และแล้วภาระกิจของการเป็มแม่ในไตรมาสที่ 2 ของฉั้นก็กำลังจะเสร็จสิ้นในอีกไม่กี่สัปดาห์ บอกไม่ได้เลยว่าฉั้นไม่ได้นับวันรออย่างใจจดใจจ่อ เพราะทุกวันที่ผ่านไปไม่ว่าจะเป็นการเฝ้าจับสังเกตุอาการ คอยวัดรอบเอว คอยช่ังน้ำหนัก คอยเฝ้าลูบไล้ คอยหมั่นทาครีมบำรุง กินวิตามินอย่างไม่ขาด และพยามออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ มันช่างเป็นงานหนักหนาสาหัสแต่มีความสุข
ในแต่ละวันฉั้นเฝ้าเช็คดูความเปลี่ยนแปลงของตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นพุงและหน้าที่แข่งกันกลมขึ้นทุกวันๆ เอวที่หนาขึ้น ไขมันที่พอกพูน อาการบวมตรงนู้นตรงนี้ อาการปวดเมื่อยในบางครั้งบางคราว ตั้งแต่เริ่มตั้งท้องเข้าสู่เดือนที่ 4 อาการแพ้ก็ยังไม่หายไปไหน ยังคงมีอาการคลื่นใส้ วิงเวียน แต่ก็น้อยลงมากจากเดือนที่ 2 และ 3 ฉั้นเริ่มกลับไปออกกำลังกายได้ตามปกติ แต่เปลี่ยนจากการวิ่ง เป็นเดินช้าๆ ไม่ก็ว่ายน้ำบ้าง ครั้งละ 30-40 นาที ซึ่งก็เหนื่อยหอบใช่เล่น ต้องอาศัยนอนงีบยามบ่ายเป็นชั่วโมงเลยทีเดียว ร่างกายของแม่ที่ต้องหายใจเพื่อคนสองคน และกินเพื่อคนสองคนนี่มันช่างเหนื่อยเอาการ เข้าสู่ไตรมาสที่ 2 นี้ ฉัั้นและแฟบต้องเริ่มเตรียมตัวอะไรหลายอย่างเพื่อลูกแล้ว เพราะต้องรีบเก็บเกี่ยวช่วงเวลาที่ฉั้นยังมีแรงเดินเหินอย่างสบาย เนื่องจากอาการแพ้ก็ค่อยๆทุเลาและท้องก็ยังไม่โย้จนเกินไป เราจึงเริ่มแผนการเตรียมข้าวของเครื่องใช้ให้ลูก เราเสิร์ชหาข้อมูลกันยกใหญ่ว่าเราต้องเตรียมอะไรบ้าง เสร็จสรรพก็สิสต์ออกมาจนยาวเป็นหางว่าว ไม่ว่าจะเสื้อผ้า ขวดนม ที่ปั้มนม เครื่องนอน เครื่องอาบน้ำ ผ้าห่ม ผ้าอ้อม ฯลฯ รวมทั้งเสื้อผ้าและบราสำหรับคนท้องของฉั้นเองอีกด้วย โอ้ว พระเจ้า!!! สร้างคนหนึ่งคนนี่มันยากขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย!!
ใช่ แม้เราจะเตรียมใจมาก่อน แต่ก็อดจะอุทานออกมาไม่ได้ เรารีบวางแผนการเดินทางจากบราซิลไปไมอามี่, สหรัฐอเมริกา อย่างรวดเร็ว เพื่อทำการช้อปปิ้งข้าวของเครื่องใช้ที่เช็คแล้วว่าราคาถูกกว่าที่บราซิลนี่เกือบ 2-3 เท่า วิธีที่คุ้มที่สุดก็คือ การ Redeem ไมล์ที่เราสะสมจากการเดินทางครั้งก่อนๆมาแลกมาเป็นตั๋วเครื่องบินเดินทางไปฟรี แล้วเก็บเงินไว้ช้อปปิ้งให้หนำใจ การนั่งเครื่อง 8 ชั่วโมงกว่าๆ ทำให้คนท้อง 4 เดือนอย่างฉั้นถึงขั้นข้อเท้าบวมฉึ่ง! ขนาดท้องยังเล็กนิดเดียวเองนะ เจ็บก็เจ็บแต่ถึงปุ๊บก็ต้องออกทัวร์ปั๊บ กลับจากการช้อปปิ้งปุ๊บก็ต้องเอาขาพาดข้างฝาอยู่นานกว่าจะหายเจ็บและบวม เรากว๊านซื้อทุกอย่างที่คิดว่าขนไหว ทั้งรถเข็น ทั้งเก้าอี้นั่งเล่น ทั้งที่เปลี่ยนผ้าอ้อม ทั้งเสื้อผ้า ข้าวของเครื่องใช้ที่จำเป็น อาการหอบแฮ่กๆอย่างคนท้องมีอยู่ตลอดเวลา แต่ก็ไม่ทำให้ย้อท้อเลยแม้แต่น้อย หอบทุกสิ่งทุกอย่างกลับบ้านอย่างทุลักทุกเล
แม้จะเหนื่อยแทบขาดใจ แต่ก็สบายใจไปหนึ่งเปราะ อย่างน้อยลูกก็มีเสื้อผ้าใส่ ^^ ไม่นานนับจากนั้นฉั้นก็อุ้มท้องเข้าสู่เดือนที่ 5 อาการแพ้แบบคลื่นเหียน วิงเวียน ทุเลาไปมากจนเกือบจะหมด แต่อาการท้องอืด ท้องเฟ้อ ท้องขึ้น กลับเข้ามาแทนที่ เค้าว่าเพราะเนื้อที่ของกระเพาะอาหารมันทุกเบียดให้เล็กลง และลำใส้ก็หดตัว ทำให้อาหารใช้เวลานานในการย่อยกลายเป็นแก็ซแทนที่ เรียกได้ว่าเจ้าแก๊ซนี่แหละทำพิษทั้งกลางวันกลางคืนเลยทีเดียว บางวันก็เล่นถึงขั้นปวดท้องซะนอนลำบาก ได้ยินว่าบางคนอาจท้องผูกด้วย แถมบางคืนบางวันก็มีอาการตะคริวกิน หมอแนะนำให้ดื่มน้ำเยอะๆแก้อาการแก๊ซและท้องผูก ก่อนออกกำลังกายก็ให้ยืดเส้นยืดสายนานหน่อย และกินกล้วยหอมเป็นประจำแก้อาการตะคริว ซึ่งฉั้นก็ทำตามทู้กคำแนะนำ อาการเป็นตะคริวนี่ดีขึ้นมาก แต่อาการแก๊ซในท้องยังแค่ทุเลาลง ต้องอาศัยกินช้าๆเคี้ยวให้ละเอียด ไม่กินของย่อยยาก แม้แต่อาหารเผ็ดและอาหารกลิ่นฉุน ก็ต้องเพลาๆลง
เข้าสู่เดือนที่ 6 ไม่เป็นตะคริวแล้ว แต่กลับปวดหลังและก้นกบแทน อืมม -_-' ฉั้นเริ่มรู้สึกได้ถึงน้ำหนักตัวของลูกในช่วงเดือนนี้ ความหนักแบบหน่วงๆทำให้ฉั้นเริ่มรู้สึกอึดอัดเล็กน้อยเวลานอนหงาย แถมต้องตื่นมาเข้าห้องน้ำเพื่อถ่ายเบาบ่อยขึ้น เพราะกระเพาะปัสวะก็ถูกเบียดบังเนื้อที่ไปด้วยเช่นกัน ทำให้บางคืนก็นอนไม่ค่อยหลับ บางวันเลยต้องอาศัยการออกกำลังกายให้ได้รู้สึกเพลียๆ พอเพลียก็นอนหลับสนิทแต่พอหลับสนิทก็แถมกรนอีกต่างหาก เฮ้ออ!! และแล้วสัปดาห์ที่ 20 ก็เป็นสัปดาห์ที่ตื่นเต้นที่สุดของฉั้น เพราะสัมผัสแรกของแรงถีบของลูกทำให้ฉั้นตื่นเต้นมาก กล้ามเนื้อพุงบางส่วนถูกกระทุ้งเบาๆจากภายใน ย้ำอยู่ที่เดิม 2-3 ครั้ง ในช่วงบ่ายๆของวัน ฉั้นไม่แน่ใจนักในครั้งแรก เลยเริ่มสังเกตุในวันต่อๆมา พบว่าส่วนไหนที่ถูกกระทุ้งเบาๆ ก็จะซ้ำอยู่ที่เดิมซักพัก จนฉั้นมั่นใจว่า ใช่แล้วล่ะ!! เค้าทักทายฉั้นแล้ว!!! ^^ ฉั้นลืมความลำบากกายทุกสิ่งทุกอย่างอย่างสนิท เฝ้ารอแต่สัมผัสนี้ตลอดเวลา ทุกครั้งที่เค้าขยับตัว ฉั้นจะรู้สึกได้ถึงการเคลื่อนไหว มันอดยิ้มไม่ได้จริงๆนะ เหมือนได้ความมั่นใจว่า อย่างน้อยท้องที่อูมเหมือนแบกลูกแตงโมครึ่งลูกไว้ตลอดเวลานั่น มันไม่ใช่แค่ลูกแตงโมอีกต่อไป!! ฉั้นเฝ้ารอจังหวะดีๆเพื่ออยากให้พ่อเค้าได้สัมผัสบ้าง แต่เค้าคงยังเล็กเกินไปเวลาแฟบนาบมือหนาๆหนักๆที่พุงของฉั้นทีไร ดูเหมือนเค้าก็จะเงียบไปทันที เรารอจนอีกสัปดาห์ถัดมา สัปดาห์ที่ 21 ดูเหมือนว่า แขนขาเค้าจะเริ่มแข็งแรงขึ้นแล้ว เค้าทักทายพ่อเค้าได้เป็นครั้งแรก และฉั้นเองก็รู้สึกถึงแรงการเคลื่อนไหวบางอย่างอยู่ภายในชัดเจนขึ้น มันช่างเป็นช่วงเวลาที่ทดแทนอาการทรมานทุกอย่างที่ผ่านมาได้จริงๆ เค้าเคลื่อนไหวของเค้าทุกวัน โดยเฉพาะเวลา(ฉั้น)หิว เวลา(ฉั้น)กิน เวลาที่เปิดเพลงแด๊นซ์ดังๆ และช่วงเวลาเย็นๆตอนพ่อเค้ากลับจากทำงานไปจนถึงเราเข้านอน แต่บางทีก็นอนไม่หลับเพราะรู้สึกว่าเค้าจะดิ้นไม่หยุด ฉั้นไม่รู้ว่าเพราะอะไร และไม่รู้ว่าจะต้องทำไง เลยลองลุกขึ้นมาดื่มนมหนึ่งแก้วแล้วนอนต่อ ปรากฏว่าซักพักก็ผลอยหลับไป เลยสันนิษฐานเอาว่าเค้าคงหิว(อีกแล้ว!) พอดื่มนมก็เป็นอันว่าท้องอิ่ม เราทั้งคู่ก็หลับสบาย!
ความตื่นเต้นไม่ได้หยุดอยู่แค่ที่เรา เพราะดูเหมือนปู่กับย่า ป้าและลุงก็จะตื่นเต้นไปด้วย ของขวัญชิ้นแรกที่ได้จากป้าตั้งแต่ยังไม่รู้เพศ ก็คือ เสื้อตัวน้อยๆ และตุ๊กตาลูกเป็ดน้อยน่ารักสีเหลืองสดใส หลังจากนั้นไม่นาน ก็เป็นเสื้อทีมฟุตบอลตัวน้อยๆจากเลขาฯแฟบ แล้วก็มีเสื้อและผ้าขนหนูจากปู่และย่า ตามมาด้วยถุงเท้า เสื้อผ้า จากลุง และอื่นๆอีกมากมายตามมาไม่ขาดสาย ฉั้นเป็นคนไทยที่ได้ยินว่าไม่ควรเตรียมข้าวของให้ลูกก่อนเค้าเกิด มาอยู่ที่นี่ ลืมไปได้เลยเคล็ดแบบนั้น เพราะคนที่นี่ทั้งให้ของขวัญในการแสดงความยินดี และก็ต้องเตรียมข้าวของกันแต่เนิ่นๆ ดังนั้นเมื่อเราซื้อข้าวของที่จำเป็นชิ้นเล็กๆรอไว้แล้ว ขั้นต่อไปก็คือต้องเตรียมห้องนอนให้เค้า ซึ่งที่นี่ต้องไปเดินหาร้านที่ถูกใจแล้วสั่งทำเอา ทั้งเตียง ทั้งโต๊ะ และเก้าอี้สำหรับตกแต่งห้อง Nursery สั่งแล้วก็รอไปอีกเกือบ 2 เดือนกว่าจะได้ จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมการเตรียมตัวแต่เนิ่นๆจึงดีกว่ามาก เพราะไม่งั้นอาจจะเกิดอาการรนรานซะมากกว่า
เข้าสู่เดือนที่ 6 ไม่เป็นตะคริวแล้ว แต่กลับปวดหลังและก้นกบแทน อืมม -_-' ฉั้นเริ่มรู้สึกได้ถึงน้ำหนักตัวของลูกในช่วงเดือนนี้ ความหนักแบบหน่วงๆทำให้ฉั้นเริ่มรู้สึกอึดอัดเล็กน้อยเวลานอนหงาย แถมต้องตื่นมาเข้าห้องน้ำเพื่อถ่ายเบาบ่อยขึ้น เพราะกระเพาะปัสวะก็ถูกเบียดบังเนื้อที่ไปด้วยเช่นกัน ทำให้บางคืนก็นอนไม่ค่อยหลับ บางวันเลยต้องอาศัยการออกกำลังกายให้ได้รู้สึกเพลียๆ พอเพลียก็นอนหลับสนิทแต่พอหลับสนิทก็แถมกรนอีกต่างหาก เฮ้ออ!! และแล้วสัปดาห์ที่ 20 ก็เป็นสัปดาห์ที่ตื่นเต้นที่สุดของฉั้น เพราะสัมผัสแรกของแรงถีบของลูกทำให้ฉั้นตื่นเต้นมาก กล้ามเนื้อพุงบางส่วนถูกกระทุ้งเบาๆจากภายใน ย้ำอยู่ที่เดิม 2-3 ครั้ง ในช่วงบ่ายๆของวัน ฉั้นไม่แน่ใจนักในครั้งแรก เลยเริ่มสังเกตุในวันต่อๆมา พบว่าส่วนไหนที่ถูกกระทุ้งเบาๆ ก็จะซ้ำอยู่ที่เดิมซักพัก จนฉั้นมั่นใจว่า ใช่แล้วล่ะ!! เค้าทักทายฉั้นแล้ว!!! ^^ ฉั้นลืมความลำบากกายทุกสิ่งทุกอย่างอย่างสนิท เฝ้ารอแต่สัมผัสนี้ตลอดเวลา ทุกครั้งที่เค้าขยับตัว ฉั้นจะรู้สึกได้ถึงการเคลื่อนไหว มันอดยิ้มไม่ได้จริงๆนะ เหมือนได้ความมั่นใจว่า อย่างน้อยท้องที่อูมเหมือนแบกลูกแตงโมครึ่งลูกไว้ตลอดเวลานั่น มันไม่ใช่แค่ลูกแตงโมอีกต่อไป!! ฉั้นเฝ้ารอจังหวะดีๆเพื่ออยากให้พ่อเค้าได้สัมผัสบ้าง แต่เค้าคงยังเล็กเกินไปเวลาแฟบนาบมือหนาๆหนักๆที่พุงของฉั้นทีไร ดูเหมือนเค้าก็จะเงียบไปทันที เรารอจนอีกสัปดาห์ถัดมา สัปดาห์ที่ 21 ดูเหมือนว่า แขนขาเค้าจะเริ่มแข็งแรงขึ้นแล้ว เค้าทักทายพ่อเค้าได้เป็นครั้งแรก และฉั้นเองก็รู้สึกถึงแรงการเคลื่อนไหวบางอย่างอยู่ภายในชัดเจนขึ้น มันช่างเป็นช่วงเวลาที่ทดแทนอาการทรมานทุกอย่างที่ผ่านมาได้จริงๆ เค้าเคลื่อนไหวของเค้าทุกวัน โดยเฉพาะเวลา(ฉั้น)หิว เวลา(ฉั้น)กิน เวลาที่เปิดเพลงแด๊นซ์ดังๆ และช่วงเวลาเย็นๆตอนพ่อเค้ากลับจากทำงานไปจนถึงเราเข้านอน แต่บางทีก็นอนไม่หลับเพราะรู้สึกว่าเค้าจะดิ้นไม่หยุด ฉั้นไม่รู้ว่าเพราะอะไร และไม่รู้ว่าจะต้องทำไง เลยลองลุกขึ้นมาดื่มนมหนึ่งแก้วแล้วนอนต่อ ปรากฏว่าซักพักก็ผลอยหลับไป เลยสันนิษฐานเอาว่าเค้าคงหิว(อีกแล้ว!) พอดื่มนมก็เป็นอันว่าท้องอิ่ม เราทั้งคู่ก็หลับสบาย!
ความตื่นเต้นไม่ได้หยุดอยู่แค่ที่เรา เพราะดูเหมือนปู่กับย่า ป้าและลุงก็จะตื่นเต้นไปด้วย ของขวัญชิ้นแรกที่ได้จากป้าตั้งแต่ยังไม่รู้เพศ ก็คือ เสื้อตัวน้อยๆ และตุ๊กตาลูกเป็ดน้อยน่ารักสีเหลืองสดใส หลังจากนั้นไม่นาน ก็เป็นเสื้อทีมฟุตบอลตัวน้อยๆจากเลขาฯแฟบ แล้วก็มีเสื้อและผ้าขนหนูจากปู่และย่า ตามมาด้วยถุงเท้า เสื้อผ้า จากลุง และอื่นๆอีกมากมายตามมาไม่ขาดสาย ฉั้นเป็นคนไทยที่ได้ยินว่าไม่ควรเตรียมข้าวของให้ลูกก่อนเค้าเกิด มาอยู่ที่นี่ ลืมไปได้เลยเคล็ดแบบนั้น เพราะคนที่นี่ทั้งให้ของขวัญในการแสดงความยินดี และก็ต้องเตรียมข้าวของกันแต่เนิ่นๆ ดังนั้นเมื่อเราซื้อข้าวของที่จำเป็นชิ้นเล็กๆรอไว้แล้ว ขั้นต่อไปก็คือต้องเตรียมห้องนอนให้เค้า ซึ่งที่นี่ต้องไปเดินหาร้านที่ถูกใจแล้วสั่งทำเอา ทั้งเตียง ทั้งโต๊ะ และเก้าอี้สำหรับตกแต่งห้อง Nursery สั่งแล้วก็รอไปอีกเกือบ 2 เดือนกว่าจะได้ จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมการเตรียมตัวแต่เนิ่นๆจึงดีกว่ามาก เพราะไม่งั้นอาจจะเกิดอาการรนรานซะมากกว่า
อีกไม่กี่สัปดาห์ก็จะครบ 6 เดือน และมุ่งหน้าเข้าสู่ไตรมาสสุดท้าย ฉั้นหิวและโหยทั้งวี่ทั้งวัน น้ำหนักก็เพิ่มเอาเพิ่มเอา และยังไม่รู้จะมีอาการอะไรอีกบ้าง แต่ที่แน่ๆท้องที่โตขึ้นโตขึ้นทุกวันก็ทำให้ฉั้นมั่นใจว่าเค้าแข็งแรงดีและกำลังเติบโต
อีกไม่นานเราก็จะได้เห็นหน้ากันแล้ว เรานั่งจินตนาการกันทุกวันว่าเค้าจะหน้าเหมือนใคร จะเหมือนพ่อมากกว่าหรือเหมือนแม่มากกว่าน้าาาาา เจ้าชายน้อยของเรา!! :)
อ่านแล้วยิ้ม :)
ตอบลบเขียนก็ยิ้มจ้า :)
ลบพักผ่อนเยอะๆ นะค่ะ น้องคลอดจะได้เลี้ยงง่ายและเก็บแรงไว้รับมือนะค่ะ
ตอบลบพี่มาถึงได้วันสองวันแล้วหล่ะ