Pages

วันอาทิตย์, เมษายน 24, 2554

THINGS I'VE LEARNED....

  • อย่าต่อว่าความทะเยอทะยาน เชื่อเถอะว่ามีดีกว่าไม่มี
  • ถ้าผิดหวังในตัวใครซักคน เคยบอกเค้าให้รู้รึยังว่าเราคาดหวังอะไรในตัวเค้า
  • อย่าหวังว่าจะเปลี่ยนใคร เพราะแค่เปลี่ยนทัศนคติตัวเองยังยาก
  • ถ้าทำตัวเป็นน้ำเต็มแก้วที่รู้แล้วทุกสิ่งอย่าง ประสิทธิภาพการได้ยินก็จะลดลงด้วย
  • กระจก มีไว้ส่องดูตัวเองเพื่อลดและเลี่ยงข้อผิดพลาด คำคน ก็เหมือนกัน
  • อย่ากลัวการเปลี่ยนแปลง ความกลัวต่างหากที่น่ากลัว
  • เรากลัวการตัดสินใจเพราะเรากลัวการรับผิดชอบ ถ้าเรากลัวการรับผิดชอบ ชีวิตก็ไม่เหลือค่าอะไรอีกแล้ว
  • ลองผิดดูบ้าง จะได้รู้ว่าเราเป็นแค่คนธรรมดา
  • ลองให้อภัยดูบ้าง จะได้รู้ว่าไม่มีใครดีหรือเลวไปกว่ากัน
  • อย่าฝืนทนกับอะไรบางอย่างแบบไม่ปริปาก เพราะ 'อาการ' มันปิดกันไม่อยู่
  • บางครั้งเราอัดอั้นถ้าไม่ได้พูดหรือพร่ำบ่น จนลืมไปว่า คนบางคนก็อัดอั้นที่ต้องอดทนฟังเรา
  • อย่าด่าคนขับรถคันอื่นอย่างบ้าคลั่ง เพราะคนที่ได้ยิน ไม่ใช่คนในรถคันนั้น
  • ไม่มีใครบังคับให้เรารักหรือเกลียดได้ เพราะ 'ความรู้สึก' ควบคุมไม่ได้ 
  • 'ความรัก' ถูกต้องเสมอ, 'ความอยาก' ต่างหาก ผิดบ้างถูกบ้าง 
  • หากถูกต่อว่าในเรื่องใดเรื่องหนึ่ง อย่าแปลความหมายไปต่างๆนานา มันก็แค่เรื่องนั้นแหละ ไม่มีอะไรซับซ้อนไปกว่านั้นหรอก
  • 'ความผิดพลาด' กับ 'ความโง่' เป็นคนละเรื่อง, จะว่าใครว่าโง่ บอกให้เค้ารู้ว่าเค้าผิดพลาดยังไงดีกว่า
  • ให้โอกาสคนอื่นได้อยากรู้จักตัวตนของเรา ด้วยการลดความพยายามในการบอกลงบ้าง
  • ยิ่งพยายามทำทุกอย่างให้สมบูรณ์แบบ มันกลับยิิ่งไม่สมบูรณ์แบบ, ความสมบูรณ์แบบ บางครั้งไม่สวยงามเท่าการมีตำหนิบ้างเล็กๆน้อยๆ
  • You Are What You Eat - You Are What You Think - You Are What You Believe - You Are What You Wear 
  • 'ความคิด' ที่ว่าน่ากลัวแล้ว ไม่เท่าการกระทำและคำพูด
  • อยากรู้ว่ากำลังมีความสุขหรือทุกข์ ให้ลองอ่านจากแววตา
  • รู้เท่าที่รู้ เข้าใจเท่าที่เข้าใจ บางทีก็สบายใจดีแล้ว   
  • ของธรรมดาบางอย่าง ...ถูกพรีเซนต์จากบางคน... กลายเป็นของไม่ธรรมดาไปได้!!
  • จะรู้ว่าเราชอบหรือไม่ชอบอะไร ต้องได้ใช้เวลากับสิ่งๆนั้น ไม่อย่างนั้นแล้ว มันจะเป็นแค่ จินตนาการ
  • พ่อแม่, บางทีพวกเค้าก็ทำดีที่สุดเท่าที่เค้าจะทำได้แล้วล่ะ
  • ยิ่งคิดว่าเราดีกว่าคนอื่นมากเท่าไร กลับยิ่งโดดเดี่ยวมากขึ้นเท่านั้น
  • ทุกความสัมพันธ์ต่างกันแค่รูปแบบ แต่มีความสำคัญเท่ากัน
  • จะแข่งอะไรกับใครก็แข่งไป ยกเว้นกับคนในครอบครัว
  • เงิน ซื้อไม่ได้ทุกอย่าง, จริง, แต่ซื้อได้หลายอย่างอยู่! >..<
  • หมั่นออกกำลัง, สารเอ็นโดฟินส์ช่วยให้คุณอารมณ์ดี
  • ถ้าเรามีความสามารถพิเศษอย่างน้อยหนึ่งอย่าง หรือมีสิ่งที่รักหรือสนใจเป็นพิเศษอย่างน้อยหนึ่่งอย่าง หรือมีงานอดิเรกอย่างน้อยหนึ่งอย่าง จะทำให้เรารู้จักตัวเองมากขึ้นอย่างน้อยหนึ่งข้อ 
  • ไม่มีทาง...ที่การทำให้คนอื่นดูด้อยลงแล้วเราจะรู้สึกดีขึ้น การทำให้คนอื่นรู้สึกดีขึ้นต่างหากที่ทำให้เรารู้สึกดีขึ้นด้วย
  • อย่าพลาดโอกาสสร้างความรู้สึกดีๆ ในการพบกันหรือรู้จักกันในครั้งแรก, เพราะโอกาสนั้น มีแค่ครั้งเดียว
  • การวางตัว 'เป็นธรรมชาติ' เป็นเสน่ห์, ไม่ทุกคนจะมี, คนที่มองทุกอย่างอย่างธรรมชาติเท่านั้น 
  • อย่าจงใจทำเรื่องบางเรื่องในชีวิตให้ยากขึ้น, เราไม่มีเวลาพอที่จะกลับมาแก้ไขหรอก
  • ปฏิบัติกับคนอื่นเหมือนที่อยากให้เค้าปฏิบัติต่อเรา
  • 'เลือก' ว่าอยากเป็นคนแบบไหน, 'แสดงออก' ในแบบที่อยากเป็น
  • อย่าฟังความข้างเดียวแล้วเชื่อหมดใจ,​ คนบางคนอาจอยู่ในโลกของการมองโลกในแง่ร้ายมาตลอดชีวิต ในขณะที่บางคนอาจไม่กล้ายอมรับว่าชีวิตไม่ได้สมบูรณ์แบบ, เราไม่มีทางรู้หรอก
  • คนที่ชอบพูดในสิ่งที่รู้ว่าคนฟังจะเสียใจ, คนพวกนี้มีความเจ็บปวดบางอย่างซ่อนอยู่, และอยากให้คนอื่นร่วมรู้สึก
  • ถ้าเกลียดหรือไม่ชอบใคร, เรียนรู้วิธีที่จะรับมือกับความรู้สึกตัวเองไว้ด้วย
  • หากไม่พร้อมที่จะปรับปรุงตัวเองบ้าง, ก็จงพร้อมรับความเจ็บปวดเวลาโดนสังคมสั่งสอนเอาไว้

วันอังคาร, เมษายน 19, 2554

Shopping in Brazil (Sao Paulo City)

สำหรับใครที่ไม่เคยมาบราซิล สำหรับใครที่อยากจะมาเที่ยวบราซิล สำหรับใครที่แค่อยากจะรู้จักบราซิล และสำหรับใครที่ไม่อยากมาแต่จำเป็นต้องมา สาบานได้ ว่าการช้อปปิ้ง ใน บราซิล ก็น่าตื่นเต้นไม่แพ้ที่ไหน!! มีเพียงข้อแม้เดียว อย่าเปรียบเทียบกับสยามสแควร์ แพลตินัม สำเพ็ง หรือสวนจตุจักรบ้านเรา    อ้่าว...แล้วถ้าอย่างงั้นมันตื่นเต้นตรงไหน ..... ก็ตรงที่ ของดีมีราคาบ้านเค้า ดีไซน์สวยโพดโพดเลยอ่ะสิ 

ที่เซาเปาโลมีตลาดขายของถูกอยู่ที่ย่าน Downtown แถวถนน 25 de março(วินจิซิงกุ จิ มาร์โซ) ซึ่งเป็นที่นิยมมากสำหรับผู้คนที่ต้องการตัวเลือกเยอะๆ ซื้อทีซื้อเยอะๆ และต่อรองได้ คนจึงแห่ไปที่นี่กันมากมายโดยเฉพาะในวันหยุด คนแน่นเอี๊ยดเดินเบียดเสียดจนต้องระวังทั้งตัวเองและกระเป๋าให้ดี เพราะไม่ได้มีแค่คนปกติอย่างเราๆเท่านั้นที่ไปเดินซื้อของย่านนั้น แต่ยังมีพวกคนติดยา นักล้วงกระเป๋า นักชกชิงวิ่งราว เกลื่อนกลาดอีกด้วย  สไตล์การขายของที่นี่ก็เน้นตะโกนโวกเวกให้ตื่นเต้นเร้าใจ ก็มันส์ไปอีกแบบ หรือจะเป็นที่ Liberdade (ลิเบอร์ดาจิ) ใกล้ๆกัน แต่ที่นี่เป็นย่าน Japanese Town ที่คนญี่ปุ่นเค้าเอาของกินของใช้ เครื่องสำอางค์ ของชำร่วย ฯลฯ หลากหลายสไตล์เอเชี่ยนมาขาย ที่นี่เด่นมากคงไม่พ้นเรื่องอาหารสำหรับคนไทยอย่างเรา ถูกใจซะเหลือเกิ้อนที่สามารถไปเดินหาซื้อพวกน้ำพริก กะปิ น้ำปลา น้ำมันหอย น้ำตาลปี๊บ น้ำมะขามเปียก น้ำจิ้มไก่ ฯลฯ ยี่ห้อไทยๆ ถูกปาก ถูกใจ รวมทั้งข้าวสารและข้าวเหนียวก็ยังมี

แต่ยังไงก็ตาม เราไม่ขอแนะนำการช้อปปิ้งแบบนั้นในโพสต์นี้ เพราะอย่างที่บอก ไปแถว Downtown ต้องเดินอย่างระมัดระวัง มีสติอยู่เสมอ ไม่ใส่เครื่องประดับของมีค่า ไม่ต้องขับรถไป เพราะหาที่จอดยาก ไปรถไฟสะดวกกว่า ดูบรรายากาศซะก่อน


ระหว่างรอแม่เอาตั๋วไปเปลี่ยน
ยังติดอยู่โซนนอก หวั่นๆยัยเจ๊คนข้างหลัง แต่ก็ยังฝืนยิ้ม ^^'
ตอนตั๋วรถไฟรูดไม่ผ่าน
ดูหน้าสิ ตกใจนะน่ัน ฮ่าาๆๆ!!



โพสต์นี้เลยขอแนะนำให้มาลองช้อปของดีมีราคากันดีกว่า ลองดูว่าจะถูกใจรึป่าว เพราะที่บราซิลไม่มีสินค้าลอกเลียนแบบและก็ไม่ค่อยเป็นที่นิยมซะด้วย คนที่นี่ก็ช้อปปิ้งกันในห้างสรรพสินค้าทั่วไป ถ้าใครที่มีรายได้ดีหน่อย ก็จะมีรสนิยมดีมาก พูดง่ายๆพวกที่มีสตังค์ จะทันสมัย ทั้งเสื้อผ้า หน้า ผม เครื่องประดับ เนี๊ยบกริบตั้งแต่หัวจรดเท้า ยิ่งกระเป๋า รองเท้า ยี่ห้อดีๆดังๆหลายๆยี่ห้อ คุณภาพดีและดีไซน์สวย เป็นที่นิยมไม่แพ้แบรนด์นอก แต่ละคนจะประโคมแต่งตั้งแต่หัวจรดเท้า และหากต้องการอวดความมีสตังค์มากขึ้นอีก ก็จะทุ่มไม่อั้นกับบรรดาของสินค้าแบรนด์นอก เช่น Louis Vuitton, Gucci, CHANEL, .... จิวเวอร์รี่ Tiffani&Co หรือแม้แต่นาฬิกาแพงๆ ยี่ห้อต่างๆ ที่สำคัญที่นี่มีระบบผ่อนด้วย เพราะไม่มีของเลียนแบบให้ซื้อ การดาวน์ก่อนผ่อนที่หลังแบบไม่มีดอกเบี้ย จึงเป็นวิธีที่ช่วยได้เยอะเหมือนกันเน๊อะ ว่ามั้ย? ^^

เอาล่ะ ถ้าจะช้อปปิ้งในบราซิล ก็แนะนำให้มาที่เซา เปาโลนี่ล่ะ แล้วก็ต้องเตรียมเงินมาเยอะๆหน่อยนะ เพราะที่บราซิล ข้าวของแพงน่าดู แพงกว่าเมืองไทยเป็นสองถึงสามเท่าแน่ะ โดยเฉพาะของอิมพอร์ต (ค่าเงินที่นี่ 1 Reais = 19 THB++) แถมประชาชนตาดำๆ เขียวๆ ก็ไม่รู้ซะด้วยว่าไอ้ข้าวของที่แพงๆนั้น เราจ่ายภาษีสินค้า (Goods & Services Tax) อยู่เท่าไร นั้นหมายถึงว่า ไม่ว่าสินค้าจะต้นทุนเท่าไร ส่วนเกินที่เราจ่ายไป ไปเข้ากระเป๋าใครอ่ะ!! และที่สำคัญนักท่องเที่ยวที่มาช้อปปิ้งที่นี่ก็ไม่สามารถเคลม Tax refund เวลาเดินทางออกจากบราซิลได้เหมือนประเทศอื่นๆอีกด้วย อืมม...ทำให้พอมาอยู่เข้าจริงๆต้องประหยัดอดออมมากกว่าจะไปช้อปปิ้งใช้จ่ายฟุ่มเฟือย ไม่เหมือนเวลาเที่ยวที่เราจะเตรียมสตังค์มาเต็มกระเป๋าแล้วก็ค่อยกระเป๋าแห้ง หน้าแห้งกลับบ้าน แต่เอาเถอะ ถ้านานๆได้มาที่ลองมีประสบการณ์ช้อปกระหน่ำดูบ้าง จะรู้ว่ามันดีอย่างนี้นี่เอง

คนที่อยู่ที่เซา เปาโล จะเรียกตัวเองว่า Paulistana(ผู้หญิง) และ Paulistano(ผู้ชาย) ความหมายประมาณว่าเป็นคนเมืองเต็มตัว เพราะฉะนั้นถ้าเที่ยวแบบคนเมืองก็ต้องรู้ว่า แหล่งช้อปปิ้งที่นี่มีมากมาย ทั้งห้างสรรพสินค้า และร้านค้าเลียบถนนหลายๆเส้น เช่น Paulista (เปาลิสต้า), Moema (โมเอม่า), Rua Oscar Freire, Jardim (จาร์จิง), Itaim (อิตาอิง), Brooklin (บรู้คคลิน), Pinheiros (ปิงเยยโรส) เหล่านี้ถือเป็นแหล่งช้อปปิ้งที่สำคัญ จริงๆแล้วมันคือชื่อถนนแต่ละสายและเป็นย่านธุรกิจ และเพราะเป็นย่านธุรกิจนั่นเองเลยมีร้านค้ามากมายตามไปเปิด Paulista, Moema และ Rua Oscar Freire, Jardim (จาร์จิง) จะเป็นโซนแฟชั่น มีทั้งร้านร้องเท้า เสื้อผ้าแบรนด์ใน แบรนด์นอก ดูคล้ายกับแฟชั่นสตรีท Jardim, Itaim, Brooklin, Pinheiros จะเน้นพวกร้านเฟอร์นิเจอร์ของประดับตกแต่งบ้าน เครื่องครัว เครื่องนอน เครื่องใช้ไฟฟ้า ฯลฯ ส่วนห้างสรรพสินค้าก็มีมากมายหลายห้าง แต่ขอแนะนำแค่บางห้างที่น่าไปก็พอ เพราะที่นี่ ข่าวปล้นห้างมีให้เห็นอยู่เป็นระยะๆ หรือไม่ก็มีฉก ชิง วิ่งราว บางที่จึงอาจต้องเดินแบบเหลียวหน้าพะวงหลังกันซักนิด ไม่เว้นแม้แต่ห้างหรูๆ ระดับ hi-end วันดีคืนดีก็มีข่าวโจรกรรมร้านเพชรบ้าง ร้านทองบ้าง ให้ได้ผวากันเล่นๆ ห้างหรูๆบางห้างจึงต้องมี Security Guard คอยตรวจตราดูแลกันทีเป็นหลายสิบนายเลยทีเดียว! 
  • Shopping Pátio Higienópolis (พัททิโอ้ อีเจียนนอปอลิศ) เป็็นห้างเล็กๆตั้งอยู่ในย่านที่อยู่อาศัย Higienópolis ถือว่ามีระดับโซนหนึ่งเลยนะ แถวนี้จะเรียกว่าเป็นแหล่ง Community ชาวยิวก็ว่าได้ เพราะพวกเค้าอพยพมาตั้งรกรากกันตั้งแต่สมัยสงครามโลกนู้น (พอกับคนญี่ปุ่นที่มาตั้งรกรากในบราซิลตั้งแต่สมัยสงครามโลกเหมือนกัน คนญี่ปุ่นในบราซิลจึงมีเยอะพอสมควร เยอะจนพอที่จะทำให้คนบราซิลสับสนว่าคนเอเชียก็คือคนญี่ปุ่นนั่นแหละ เพราะไม่รู้จักประเทศอื่นๆในเอเชียอีกแล้ว ใครๆที่มาจากเอเชีย จึงกลายเป็น "ญี่ปุ่น" หมดในความคิดของคนบราซิล รวมทั้งฉั้นด้วย อยู่นี่ก็เป็นคนญี่ปุ่น ไฮ้!! -_-') คนแถวนี้ค่อนข้าง Conservative และอาจมีอายุหน่อย อยู่กันเป็นครอบครัว เป็นโซนปลอดภัยโซนหนึ่ง สภาพแวดล้อมดี มีโบสถ์ มีโรงเรียน มีร้านอาหารมากมาย ในบางครั้งบางทียังเห็นผู้ชายเดินใส่สูท สวมหมวกสีดำ แบบชาวยิวเดินไปเดินมาอยู่เลย แต่หนุ่มๆสาวๆแถวนี้ก็มีเยอะ ภายในห้างก็มีร้านค้าแบรนด์ดีๆของบราซิลหลายแบรนด์ มีร้านอาหาร ร้านกาแฟดีๆหลายร้าน น่าเดินทีเดียว 
ช่วงคริสต์มาส ตกแต่งอลังการ

  •  Morumbi Shopping Mall  (โมรุมบี ช้อปปิ้ง มอลล์) ย่าน Morumbi (อันนี้อยู่ใกล้บ้าน ว่างๆก็ขับรถไปเดินเล่น ไม่เกินสิบนาทีก็ถึง) ถือเป็นห้างใหญ่ห้างหนึ่งเลยทีเดียว แต่ที่ว่าใหญ่ ก็ยังเล็กกว่าพารากอนหรือเซ็นทรัลลาดพร้าวซะอีก แต่ก็คนเยอะ ร้านเยอะ ร้านอาหารก็เยอะใช้ได้ วันเสาร์อาทิตย์ที่ไรคนแน่นไม่แพ้เซ็นทรัล เดอะมอลล์ ที่นี่มีร้านขายเสื้อผ้า รองเท้า เครื่องประดับ ฯลฯ สำหรับทั้งชาย ทั้งหญิง และสำหรับเด็ก ขึ้นชื่อ คือ C&A และ Renner คู่แข่งกัน ดีไซน์ดูดีและราคาพอจับจ่ายไหว ได้ยินว่า สาวๆออฟฟิศแอบมาช้อประหว่างพักกลางวันกันที่นี่ล่ะ(คล้ายสาวออฟฟิศบ้านเราที่มักจะเหงื่อแตกกลับเข้าออฟฟิศหลังจากดอดไปช้อปแถวสีลม ซอยละลายทรัพย์ หรือตลาดนัดข้างออฟฟิศ ฯลฯ แล้วกลับมาพร้อมถุงสัมภาระซ่อนมาด้านหลังเพื่อแอบไม่ให้เจ้านายเห็น ไม่มีผิดเพี้ยน แหม่..พูดแล้วยังคิดถึงบรรยากาศ) สไตล์คล้ายๆกับ Forever21 ในอเมริกา, Primark หรือไม่ก็ Westfield ในอังกฤษ อะไรอย่างงั้น (ฉั้นไม่เคยไปอังกฤษหรือเมริกาหรอก คริ คริ!) คิดว่าร้านแบบนี้ไม่มีในบ้านเรานะ แบบที่เข้าไปจะเห็นเสื้อผ้า ร้องเท้า เครื่องประดับ ดีไซน์สวยๆ เต็มไปหมด แบ่งเป็นโซนและ Collection เช่น โซน ชาย-หญิง, โซนสไตล์ Vintage, Jeans, Office Clothes, โซน Jewelry, Shoes, Swimming Suites, Gym&Exercise .......  อารมณ์ประมาณโซนพลาซ่าในห้างบ้านเรา แต่พอเดินเข้าไปก็ไปหยิบถุงใบใหญ่ทีเค้าเตรียมไว้ให้ ชอบใจก็หยิบใส่ถุงแล้วไปจ่ายตังค์ทีเดียว (ส่วนตัวชอบเสื้อผ้าของ Renner นะ แต่เครื่องประดับเหมือนที่ C&A จะสวยกว่า) เค้าว่าคุณภาพดีด้วย ตั้งอยู่ฝั่งตรงข้ามกันคนละฝั่งของห้าง แข่งกันสุดฤทธิ์ 
  • Shopping Iguatemi Sao Paulo (อีกวาเตมี) ห้างนี้ขยับหรูขึ้นมาอีกนิดเพราะมีร้านแบรนด์นอกอย่าง Louis Vuitton, Gucci, Prada ฯลฯ และแบรนด์ไฮโซดังๆของบราซิล เช่น ร้านกระเป๋าหรูๆ อย่าง Lenny e Cia (เลนนี่ อี เซีย), ร้านเสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้า เครื่องประดับ สไตล์ไฮโซ อย่าง Le Lis Blanc (เลอ ลีส บลองซ์) , ร้านกระเป๋า รองเท้าหนังแท้ คุณภาพดี อย่าง Arezzo (อารีโซ่) เป็นต้น รวมทั้งร้านเครื่องประดับอีกหลายร้าน ไม่น่าเชื่อว่าเครื่องประดับที่นี่ก็ดีไซน์สวยล้ำ (ไม่ขอพูดถึงราคาให้ตกใจ) อย่าง H.Stern และ Vivara ก็ดีไซน์สวยหรู แพงได้ใจ มีทั้งเพชรทั้งทอง ให้ได้ผ่อนสะใจกันไป แถมพนง.ยังพูดภาษาอังกฤษได้ซะด้วย (บอกรึยังว่าคนที่นี่ก็นิยมใส่เครื่องประดับกันมากๆ) ห้างนี้มีซุปเปอร์มาร์เก็ต และร้านอาหารดีๆ รวมไปถึง Drug Store ที่หน้าตาเหมือน วัตสัน หรือ บูธส์ อีกหลายร้าน
  • Shopping Cidade Jardim (ซิดาจิ จาร์จิง) ห้างนี้ถือว่าหรูที่สุดใน เซา เปาโล ไฮโซอย่างเราไม่พูดถึงที่นี่คงไม่ได้ อิ อิ อยู่โซน Cidade Jardim ศูนย์รวมแบรนด์ดีๆดังๆ ละลานตา แต่ละร้านตกแต่งอย่างหรูหรา ทั้ง Louis Vuitton, CHANEL, Hermès, ..... อุ้ย เลิศศศศ ภายในห้างก็บรรยากาศดี ห้างไม่ใหญ่โตอะไรมากแต่เพราะตกแต่งแบบ Open Air เลยทำให้ดูดีมีเอกลักษณ์ หลังคาเปิดโล่ง แต่มีหลังคาไฮโดรลิกสำหรับปิดเวลาฝนตกหรือเวลาห้างปิด ทั่วบริเวณเต็มไปด้วยต้นไม้เขียวขจี เหมือนกับนั่งอยู่ในสวนยังไงยังงั้น ซึ่ง Concept นี้ก็ได้มาจากคำว่า Jardim ซึ่งแปลว่า สวน แต่ก็ไปแอบเห็นห้างแบบนี้ที่ ไมอามี่ มาเหมือนกัน เหมือนเป๊ะ หลายคนเลยว่าบราซิลคงก๊อปไอเดียนี้มาจากห้างห้างนึงในไมอามี่, สหรัฐอเมริกามากกว่า ก็ว่ากันไป ที่นี่บางทีก็มีงานอีเว้นท์ที่เหล่าดารามารวมตัวกันอยู่เป็นระยะ จัดงานทีเห็น Security Guard เต็มห้างไปหมด นอกเหนือจากนั้น ของแถมกิ๊บเก๋ในการเดินเล่นที่นี่ก็คือมี WiFi ให้เล่นฟรีทั้งห้าง แม้จะไปยากนิดนึง เพราะทางไปไม่มีป้ายบอกทาง ตอนไปครั้งแรกเจอทางแยกไม่รู้ต้องเลี้ยวซ้ายหรือขวา เลี้ยวผิดกลายเป็นทางกลับบ้านไปซะงั้น และในเซา เปาโล คนขับรถกันเร็วมาก แถมถนนบ้านเค้าไม่มียูเทิร์น เลยแล้วก็เลยไปเลย ต้องไปหาที่เลี้ยวซ้ายเลี้ยวขวาตามตรอกซอกซอยเอาเองถึงจะกลับมาที่เดิมได้ ครั้งนั้นก็เลยกลับบ้านไปเลยดีกว่า งง! ดีที่อยู่ไม่ไกลจากบ้านวันหลังเลยค่อยมาใหม่ อ้อ..จุดเด่นอีกอย่างคือที่นี่มีโรงหนังไฮโซดูดีทีเดียว ห้างก็คนไม่แน่นเกินไปด้วย
ด้านหน้าเป็นห้าง ด้านบนเป็นคอนโดหรู
Hermès
Hermès
Louis Vuitton
ถ่ายมายั่วน้ำลายเล่นๆ
Daslu (แดซซะลู) ร้านอิมพอร์ตเสื้อผ้า
ของดีไซเนอร์แบรนด์ดังๆ
ร้านกาแฟเก๋ๆ
ร้านอาหารหรูๆ
ร้านหนังสือเท่ห์ๆ
ร้านขายของเล่น ขำๆ (ขายพวกเรือยอร์ชกะเจ็ทสกี!!)
ยังมีอีก 2 ที่ที่น่าเดินเหมือนกัน ก็คือ Shopping Ibirapuera (ช้อปปิ้ง อีบิราโปเอร่า) ห้างนี้ใหญ่เหมือนกัน และ Shopping Vila Olimpia (วิลล่า โอลิมเปีย) เล็กลงมาหน่อย แต่ก็เป็นที่นิยมไม่น้อยเพราะอยู่ในแหล่งใกล้ออฟฟิศบิวดิ้ง

สำหรับสาวๆ ถ้ามาช้อปที่บราซิลคงต้องขอแนะนำให้พิจารณะกระเป๋ากับรองเท้าเป็นพิเศษ เพราะนอกจากดีไซน์สวยแล้ว วัสดุที่ทำจะเป็นหนังแท้ทนทาน ใส่ดีไม่มีกัด คนที่นี่คลั่งใคล้รองเท้ามาก  ขนาดรองเท้าแตะยังดีไซน์สวยเลยอ่ะ 

Havaianas(ฮาวายยานัส) เป็นแบรนด์รองเท้าแตะของบราซิลเอง ราคาคู่ละประมาณ 800-1,000 บาท ++ ถ้าขายในเมืองไทย ถ้าที่นี่ราคาก็ครึ่งนึง แต่ก็ไม่ถือว่าถูกถ้าเทียบกับช้างดาวหรือนันยางของไทย! แต่มีสไตล์และดีไซน์เก๋ไก๋เฉพาะตัว เท่ห์ไม่ซ้ำใคร เป็นที่นิยมมากสำหรับใส่คู่กับบิกินี่เก๋ๆเวลาไปเที่ยวทะเล หรือจะซื้อเก็บเป็น Collection ก็น่ารักไปอีกแบบ





Shoestock ร้่านนี้ไม่พูดถึงไม่ได้ เพราะเป็นร้านขายรองเท้าขนาดใหญ่ มีให้เลือกให้ลองเป็นพันๆคู่ มีทุกไซส์ ทุกแบบ ทุกสี ทุกราคา วางขายเป็นเบือ......ใช้คำว่า "เบือ" เพราะไม่รู้จะอธิบายยังไง เพราะที่นี่จะวางแยกตาม ไซส์ เริ่มตั้งแต่ ไซส์ 33-41(โดยประมาณนะ) ไซส์นึงก็มีให้เลือกหลายร้อยแบบ หลายร้อยสี หลายร้อยสไตล์ เรียกว่าสาวๆเข้าร้านนี้ต้องใช้เวลาเป็นวันกว่าจะตัดสินใจได้ว่าจะซื้อซักกี่สิบคู่ดี เลือกได้ก็ใส่ถุงใบใหญ่ไว้รอจ่ายตังค์ที่เคาน์เตอร์ สาวๆบางคนซื้อเต็มถุงเลยทีเดียว 


Santa Lolla ยี่ห้อนี้ก็สวย ทันสมัย ถูกใจฉั้นมาก เป็นร้านคล้าย Shoes Stock ตั้งอยู่ติดถนนตามทำเลใกล้แหล่งธุรกิจหรือออฟฟิศบิวดิ้งโซนต่างๆ เวลาพักเที่ยงที ก็สะดวกสำหรับสาวๆออฟฟิศที่มาเดินย่อยหลังอาหารเที่ยง แวะมาลองรองเท้า ถูกใจอาจซื้อติดไม้ติดมือไป(โดยไม่รู้ตัว) ในร้านก็จะมีทุกไซส์ ทุกแบบ ทุกสี เหมือนกัน เพียงแต่ขนาดร้านจะไม่ใหญ่เท่ากับ Shoes Sock เท่านั้นเอง




ถัดมาเป็นแบรนด์ขึ้นห้าง เช่น Capodarte (คาโปดาร์ทชิ) และ Arezzo (อรีโซ่) เป็นรองเท้าและกระเป๋าแบรนด์บราซิล ที่ขายดีและดีไซน์สวยเป็นที่นิยมเช่นกัน
Capodarte


Arezzo 




Lenny e Cia (เลนนี่ อี เซีย) เป็นกระเป๋าดีไซน์เนอร์ชื่อดังของบราซิล ราคาสูงเอาการอยู่ แต่ดีไซน์สวยหรูเหมาะกับสาวไฮโซอย่างเรา คริ คริ! แต่กระเป๋าบางรุ่นที่ทำจากหนังและวัสดุโลหะจะหนักอึ้งอยู่ ซึ่งก็เป็นข้อเสียเล็กๆน้อยๆ




Le Lis Blanc (เลอ ลิซ บลองซ์) เป็นร้านขายเสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้า เครื่องประดับ สวยและแพง แต่ใครที่ชื่นชอบและใช้ของแบรนด์นี้ ก็ถือว่าเป็นคนมีรสนิยม! ^^ 

นอกจากนั้นก็มีแบรนด์สำหรับผู้ชายที่เป็นที่นิยมด้วย เห็นสองแบรนด์เด่นๆ ก็คือ Richards กับ Brooksfield เพราะช่วงคริสต์มาสทีไร ขายดิบขายดี คนแน่นร้านเพราะแห่ไปซื้อเสื้อผ้า รองเท้า ฯลฯ เป็นของขวัญให้แก่กันและกัน แล้วก็เห็นให้กันซำ้ไปซำ้กันทุกปี ไม่เสื้อก็ร้องเท้า เหอะๆ..ก็น่ารักไปอีกแบบ


รองเท้าผ้าใบผู้ชาย Brooksfield แอบไปฉกมาหนึ่งคู่


จริงๆยังมีอีกหลายห้าง หลายแบรนด์ แต่เอาแค่หอมปากหอมคอก็พอ...


อ้อ..สาวๆที่นี่ก็คลั่งใคล้ Louis Vitton ไม่แพ้คนชาติใดในโลกเหมือนกัน เห็นถือกันให้เกลื่อนเมืองเลย พวกเครื่องประดับ ก็ไม่น้อยหน้า เพชรนิลจินดา ประโคมกันแบบสุดๆ 

ที่สำคัญ คนที่นี่ตัดสินคนที่ นาฬิกา ยิ่งเรือนใหญ่ยี่ห้อดังยิ่งแสดงว่ามีสตังค์!! 

แม้ที่นี่ยังมีความแตกต่างทางสังคมให้เห็นอย่างชัดเจนและพวกเค้าก็จงใจทำให้มันเป็นอย่างนั้น บางคนประโคมแต่งเค้าไปจนอาจดูเยอะเกิน ทั้งที่รู้ดีว่าการโจรกรรมก็มีเกลื่อนเมืองและก็แอบห่วงหน้าพะวงหลัง แต่ก็ใส่นาฬิการาคาแพงๆเรือนเบ่อเริ่มหรือทองหยองเต็มตัวล่อตาล่อใจกันซะอย่างงั้น เห็นแล้วเสียวแทนจริง จริ้ง.... แต่ก็มีเหมือนกันที่มาแบบไม่สนใจใคร เอวลอย พุงหลาม ขาสั้นโชว์เซลลูไลท์ หรือฟิตเปรี้ยะมาเลยก็มี และไม่เห็นว่าพวกเค้าจะอายหรือใส่ใจไรมาก แต่สำหรับฉั้น...ขอมีจุดยืนเป็นของตัวเอง เชื่อว่าอะไรที่ไม่มากไปไม่น้อยไป คือ สิ่งที่ดีที่สุด (ดูดีมั้ย? คือ จริงๆแล้ว งง ไม่รู้จะไปทางไหนขอยืนมันอยู่ตรงกลางนี่ล่ะ!!) แล้วก็แอบทำตัวเป็นฝ่ายสังเกตุการณ์ เอามาเล่าสู่กันฟัง... ^^!

วันพุธ, เมษายน 13, 2554

80 ความแตกต่าง ระหว่าง ไทย-บราซิล!

(เครดิต http://soueubrasily.bloggang.com บังเอิญไปอ่านเจอจากบล็อกน้อง "หมูบราซิล" หรือ 'ลิลลี่' นักเรียนแลกเปลี่ยน ถูกใจเลยขออนุญาตยืมเจ้าของบล็อกเค้ามาแล้วเพ่ิมความเห็นของตัวเองเข้าไป ขอบคุณลิลลี่นะคะ)


What a Perfect Match!

  1. บราซิลคนขับมอเตอร์ไซต์มีตายรายวัน ทั้งที่ไม่มีใคร ไม่สวมหมวกกันน็อก
  2. บราซิลแท็กซี่ได้วิ่งในบัสเลน ขับไปชิลๆ แท๊กซี่ไทย ซิ่งได้ซิ่งดี วิ่งได้ทุกเลน 
  3. บราซิลพวงมาลัยรถอยู่ด้านซ้าย ไทยพวงมาลัยอยู่ด้านขวา
  4. บราซิลเด็กนักเรียนเรียนครึ่งวัน เด็กไทยเรียนทั้งวัน
  5. บราซิลครูกะลูกศิษย์กอดรัดฟัดเหวี่ยง ครูไทยฟาดแล้วฟาดอีก
  6. บราซิลแฟนเป็นเรื่องที่สมควรมีตั้งแต่ 11 ขวบ ไทย 21 เองรีบมีทำไม
  7. เด็กบราซิลแต่งหน้าไปโรงเรียน เด็กไทยแอบทาปากนิดแม่ด่า!
  8. บราซิลวันเกิดเด็กผู้หญิงอายุสิบห้าปีจะอลังกาลมากถึงมากที่สุด คนร่วมงานต้องใส่สูทและชุดราตรี เมืองไทย วันเกิดสิบห้าปีพาไปกินฟูจิ จบ!
  9. บราซิลกินข้าวแกล้มถั่วต้ม(Feijao) ไทยกินข้าวแกล้ม น้ำปลาพริก
  10. บราซิลกินข้าวด้วยมีดส้อม ไทยกินด้วยช้อนส้อม
  11. บราซิลน้ำเปล่าแพง คนไทยน้ำแข็งเปล่าฟรี
  12. บราซิลกินไรไม่อร่อยโวยวาย ไทยไม่อร่อยก็ทนกินต่อไป
  13. บราซิลหุงข้าวในหม้อบนเตา คนไทยหม้อหุงข้าวไฟฟ้า
  14. บราซิลไม่กินเผ็ด ไทยเจอส้มตำ=ขึ้นสวรรค์
  15. บราซิลมีกวาราหน่า (น้ำอัดลมสลัดจากผลไม้อเมซอน) ไทยมีสเลอปี้
  16. บราซิลเบียร์ถูกพอๆกับน้ำเปล่า หรือถูกกว่า (ถูกกว่าน้ำอัดลมอีก)
  17. บราซิลสั่งน้ำอัดลม จะถูกถามทุกครั้งว่าเอาหรือไม่เอาน้ำแข็ง ไทยสั่งน้ำอัดลมแม่งมีแต่น้ำแข็งอัดมาครึ่งแก้วเหลือน้ำเท่าจิ๋มมด
  18. บราซิลเอะอะอะไรก็จูบ ไม่จูบก็กอด! เล่นเอาสาวไทยอย่างเราขวยเขิลลล!! =^^=
  19. บราซิลจูบแรกสิบขวบ ร้อยทั้งร้อยจำไม่ได้ว่าจูบกับใคร
  20. คนบราซิลคุยเรื่อง "เซ็กซ์" เป็นเรื่องปกติ เปิดเผย
  21. บราซิลใช้คอมม่าแทนฟูลสต๊อป แล้วใช้ฟูลสต๊อปแทนคอมม่า งงมั้ย? (2.000=สองพัน, 2,59=สองจุดห้าเก้า)!! '_' 
  22. บราซิลชายหญิงกอด หอมแก้ม จูบ ขี่หลังกันเป็นเรื่องปกติทั้งๆที่ไม่ได้เป็นแฟนกัน
  23. เคเบิ้ลทีวีที่บราซิล หลังเที่ยงคืนมีบางช่องฉายหนังโป๊!!!!!
  24. บราซิล ในละครจูบกันนัวเนียไม่รู้ผัวใครเมียใคร ไทยแค่ปากแตะปากก็ร้อง'โอ้โห!!' แระ แถมผวา..กลัวเจ๊เบียบออกมาแบน!!
  25. เด็กนักเรียนบราซิลจะแต่งตัวยังไงไปเรียนก็ได้(จะย้อมผม กระโปรงสั้น กางเกงยีนส์รองเท้าแตะ รองเท้าผ้าใบ ต้มหูแหวนกำไล กรีดขอบตา ทาอายแชโดว์ บลาบลาบลา)ขอแค่ใส่เสื้อยืดยูนีฟอร์มที่มีตราโรงเรียนแปะที่นม (-.-)
  26. บราซิลออดโรงเรียนดังนักเรียนลุกทั้งห้องทั้งๆที่ครูยังยืนสอนค้างอยู่ ไทยออดปุ๊บยกเก้าอี้ท่องสูตรคูณท่องพระอภัยมณีสินสมุทรสุดสาคร!
  27. บราซิลละครหลังข่าวมีเรื่องเดียวฉายทุกวัน ไทยเปลี่ยนช่องไปดูเรื่องอื่นทุกครั้งที่โฆษณา
  28. บราซิลมีตังค์หน่อยจ้างคนรับใช้ ไทยมีตังค์เผลอๆยังทำความสะอาดเองอยู่เลย
  29. บราซิลเอาตัวเองเป็นใหญ่ คนไทยอย่าเลย "เกรงใจ"เค้า
  30. บราซิลไม่รู้เวลา คนไทยสายนิด..มีงอน
  31. บราซิลไม่มีถั่วงอก บราซิลไม่มีลูกชิ้น บราซิลไม่มีเกี๊ยว บราซิลไม่มีน้ำปลา (โอ้ย หิว!)
  32. เมื่อคนบราซิลนัด สี่โมง ไม่ต้องรีบอะไรเลย เพราะกว่าเค้าจะพร้อมกันก็หกโมงพอดี
  33. บราซิล นัดแล้วไม่มา ไม่เห็นแปลก คนไทยนัดแล้วไม่มาด่าพ่อแม่ไม่สั่งสอนกันเลยทีเดียว
  34. บราซิลพูดได้ทุกเรื่อง คนไทยเก็บได้เก็บดี
  35. บราซิลปาร์ตี้แดนซ์กระจาย คนไทยนั่งโต๊ะจีนสบตากับอาเจ็กตรงข้าม
  36. บราซิลมีเรื่อง ‘แล้วไง’!! คนไทย ‘ไม่เป็นไร คนไทยด้วยกัน’!!
  37. บราซิลส่วนมากไม่รู้จักประเทศไทย ไทยส่วนมากไม่รู้จักประเทศบราซิล(จริงๆ)
  38. บราซิลเล่นบอล คนไทยดูบอล
  39. บราซิลได้ยินเพลงชาติเฉพาะก่อนแข่งบอล คนไทยได้ยินทุกเช้าและทุกเย็น
  40. บราซิลเชียร์บอลกันอย่างบ้าคลั่ง แค่ทีมเล็กๆชนะ ถึงขั้นปิดถนน บีบแตร์ ถอดเสื้อ โห่ฮิ้ววว
  41. บราซิลสะกดคำว่า ‘เคารพ’ ไม่เป็น คนไทยถูกสักคำว่า ‘เคารพ’ ไว้ในใจตั้งแต่เกิด
  42. บราซิลประธานาธิปดี ไทยพระมหากษัตริย์
  43. บราซิลไม่พอใจ 'ด่า' คนไทยไม่พอใจ 'เอาไปนินทา'
  44. บราซิลรองเท้าแตะฮาวายานัส ไทยรองเท้าแตะตราช้างดาว
  45. บราซิลสงสัยก็ตะโกนถาม ไทยอยากรู้...แต่ไม่อยากถาม
  46. บราซิลโรนัลโด้ คนไทยสมจิตร จงจอหอ
  47. บราซิลใส่รองเท้าเดินในบ้าน คนไทย ว๊าย สกปรก!
  48. บราซิลพูดเยอะทำน้อย ไทยพูดไปทำไป
  49. บราซิลผู้หญิงพูดไม่หยุด ไทยผู้หญิงนั่งเหนียมอาย
  50. บราซิลวัฒนธรรมฟรีสไตล์ ไทยวัฒนธรรมหัวโบราณ
  51. บราซิลไม่ทาเล็บ "ว้าย...จน" คนไทยทาเล็บ "ว้าย...กระแด่ะ"
  52. บราซิลไม่ชอบขี้หน้าไม่ฝืนทน คนไทยทนๆไปเหอะเดี๋ยวก็ต้องตายจากกัน
  53. บราซิลรักสนุก คนไทยรักสงบ
  54. บราซิลตะโกนใส่ผู้มีพระคุณ ไทยเคารพ รัก เชื่อฟัง และตอบแทนบุญคุณ
  55. บราซิลคิดว่าไทยคือญี่ปุ่น ไทยคิดว่าบราซิลสลัม คนตัวดำ ฟันเหยิน
  56. บราซิลห้องนอนเปล่าไม่มีแอร์ไม่มีพัดลม ไทยแอร์สองพัดลมสาม
  57. ค่ารถเมย์บราซิล เอาไปจ่ายค่าแท๊กซี่ที่ไทยได้สบาย
  58. รถเมย์บราซิลจะมีที่นั่งสำหรับกระเป๋ารถเมย์ เวลาขึ้นจะต้องจ่ายเงินให้กระเป๋ารถเมย์(ซึ่งนั่งอยู่) แล้วดันเหล็ก(เหมือนเวลาเข้าดรีมเวิร์ล)จึงสามารถเข้าไปเลือกที่นั่งได้
  59. บราซิลปาร์ตี้คือสิ่งที่ขาดไม่ได้ อาทิตย์ไหนไม่ได้ออกคั่นเนื้อคั่นตัว
  60. คนบราซิลได้ยินเสียงเพลงจะเต้นอย่างไม่อายใคร คนไทย...ไม่เอายังไม่เมาเรยยย!
  61. บราซิลจัสติน บีเบ้อ เมืองไทย กอล์ฟไมค์!
  62. บราซิลพระเยซู ไทยพระพุทธเจ้า
  63. คนบราซิลอยากผิวแทน คนไทยอยากขาว
  64. บราซิลใส่บิกินี่ว่ายน้ำและโชว์สัดส่วน คนไทยใส่เสื้อยืดกางเกงขาสั้น ว่ายน้ำ(ทะเล)และโชว์สัดส่วนแค่ขากะแขน
  65. บราซิลนอนอาบแดดให้ตัวดำ คนไทยทาครีมกันแดด นั่งใต้ร่มไม้ ใส่แว่น ใส่หมวก เผลอๆเอาผ้ามาคลุมหัวอีก
  66. บราซิลใครแต่งตัวยังไงก็ไม่อาย คนไทยว๊ายดูคนนั้นสิขาใหญ่แล้วยังจะใส่ขาสั้น!
  67. หนุ่มบราซิลชอบผู้หญิงมีพุง ต้นขาใหญ่ ตูดใหญ่(นมใหญ่ด้วยจะดีมาก) คนไทยอะไรใหญ่รีบปรึกษานิติพลคลีนิค
  68. บราซิลอุทานว่า พระเจ้า! (เมวเดว!) ไทยอุทานที มาทั้งเครือวงศาคนาญาติ
  69. บราซิลเวลาไปเข้าห้องน้ำสาธารณะอย่าตกใจถ้าเห็นส้วมเปล่า ๆ ไม่มีที่ปิด ไม่มีฝารองนั่ง และทิชชู่เป็นสีเทาๆเหมือนรีไซเคิลอย่างไม่เต็มใจ เผลอๆบางที่ไม่มีที่ล็อค ปล่อยให้ขี้ไประแวงไป
  70. ห้องน้ำตามปั๊มยันห้างสรรพสินค้า คนบราซิลฉี่แล้วไม่กด!
  71. บราซิลไม่มีฝักบัวฉีดตูด บางบ้านเลยมีโถล้างก้นแยกต่างหากอีกโถนึง ทำภารกิจเสร็จต้องย้ายก้นมาล้างโถข้างๆ(น้ำพุ่งมาจากด้านล่าง ปรับความแรงได้ตามสะดวก แต่ขยับปรับมุมและองศาเอาเอง)
  72. โรงหนังที่บราซิลเทียบกับที่พารากอน ต่างกันราวฟ้ากับเหว
  73. บราซิลมีคนรู้จักเราเยอะโคตร แต่จะหาเพื่อนจริงๆได้ยาก
  74. บราซิลพกปืนเป็นว่าเล่น คนไทยเห็นตกใจนึกว่ามีสงคราม...
  75. บราซิลไม่มีภาษาบราซิลเพราะพูดภาษาโปรตุเกส คนไทยมีภาษาไทยเป็นของตัวเอง
  76. บราซิลอยู่อเมริกาใต้ไม่รู้ภาษาอังกฤษ ไทยอยู่เอเชียแต่พยามพูดอังกฤษแม้จะงูๆปลาๆ
  77. ผู้หญิงบราซิลพยามสวยตั้งแต่หัวจรดเท้า หญิงไทย งามอย่างไทยต้องสวยจากภายใน!
  78. บราซิล 'การจูบ' เป็นเรื่องที่ธรรมดามาก แต่การที่ 'ยังไม่จูบ' ถือเป็นเรื่องไม่ธรรมดา ดังนั้นไม่แปลกถ้าเด็ก(นักเรียน)ไทยจะมาเสียจูบแรกที่บราซิล ...
  79. บราซิลหนึ่งคำถามยอดฮิต "เคยทำศัลยกรรมรึยัง?"
  80. บราซิลรวยจนวัดจากยี่ห้อและขนาดของนาฬิกา ไทยรวยจนวัดจากกิริยามารยาท 

วันอังคาร, เมษายน 12, 2554

ความสุดโต่งของบราซิลและ Rio de Janeiro

บราซิล ผืนแผ่นดินอันกว้างใหญ่ติดอันดับหนึ่งในห้าของโลก 
รูปปั้นพระเยซู Cristo Redentor เมือง Rio de Janeiro สิ่งมหัศจรรย์หนึ่งในเจ็ดของโลก
Amazon Rainforest ป่าดงดิบที่ใหญ่ที่สุดในโลก 
น้ำตก Iguazu น้ำตกที่ใหญ่ที่สุดในทวีปอเมริกาใต้
ต้นคริสต์มาสที่สูงที่สุดในโลกช่วงคริสต์มาส
Samba และ Bossa Nova ดนตรีอันเป็นเอกลักษณ์ประจำชาติ
Rio de Janeiro หนึ่งในลิสต์เมืองควรท่องเที่ยวก่อนตาย
Copacabana และ Ipanema ชายหาดที่ขึ้นชื่อเรื่องความเซ็กซี่
งาน Carnival งานรื่นเริงอันโด่งดังระดับโลก
และแชมป์ฟุตบอลโลก 5 สมัย 



ทั้งหมดที่กล่าวมาเป็นส่วนหนึ่งของความสุดยอดของบราซิล เพราะความสุดยอดที่ว่าเลยทำให้การมาใช้ชีิวิตอยู่ที่นี่หลายเดือนแล้วของฉั้นยิ่งยากลำบาก มีหลายคนถามว่า "ชอบหรือไม่ชอบบราซิล?" ฉั้นตอบเค้าไม่ได้ เพราะไม่ใช่แค่ว่าที่นี่ไม่ใช่บ้านเกิดเมืองนอน แต่เพราะมีหลายอย่างที่ทำให้คนบราซิลไม่สนใจว่าประเทศอื่นจะเป็นอย่างไร คนชาติอื่นจะนิยมอะไร คนที่นี่ก็ขออยู่ในแบบเดิมๆไม่จำเป็นต้องเปิดประเทศเพื่อต้อนรับใคร และไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงอะไรตามสมัยนิยม  

แม้บราซิลจะมีข้อดีอยู่หลายอย่างอย่างที่ว่า แต่ผู้คนที่นี่ก็ยังมีความดุดันโหดร้ายอยู่ไม่น้อยโดยเฉพาะในแหละชุมชนแออัดขนาดใหญ่ที่เมือง ริโอ ดิ จาเนยโร เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาเปิดรายการข่าวประจำวันในทีวี เห็นข่าวฆาตกรหนุ่มใจโหดบุกเข้ายิงนักเรียนในโรงเรียนมัธยมถึงในห้องเรียนอย่างอุกอาจ ตายไป 12 ศพและบาดเจ็บอีกเพียบ เหมือนตอนเหตุการณ์ที่เกิดในโรงเรียน Virginia Tech เมื่อปี 2007 ในอเมริกาเลย ผู้คนต่างเศร้าสลดกันไปหลายวัน เห็นพ่อแม่เด็กที่เสียชีวิตร้องไห้กันระงม ภาพเหยื่อเด็กมัธยมอายุ 13-14 หน้าตาดีๆต้องมาถูกจ่อยิงขมับตายคาที่ มันน่าเศร้าจริงๆ ฆาตกรเป็นชายหนุ่มที่ถือปืนเดินเข้าไปในห้องเรียนอย่างหน้าตาเฉยแล้วก็ระดมยิงไปหลายนัด ถึงแม้ท้ายที่สุดจะจบชีวิตด้วยการยิงตัวเองตาย(ตามข่าว) พร้อมกับจดหมายลาฉบับหนึ่งที่เขียนบอกว่าตัวเองมีเชื้อ HIV ดูแล้วยิ่งรู้สึกสลดเพราะมันช่างไม่คุ้มกับชีวิตเด็กๆและพ่อแม่ผู้สูญเสียเอาซะเลย เห็นแล้วเศร้าและเครียด!!

ที่นี่มันก็มีความอันตรายที่ต้องระวัง มีข่าวอุบัติเหตุและอาชญากรรมให้เห็นทุกวัน มีเด็กและคนจรจัดอยู่เกลื่อน เป็นที่มาของคดีปล้น ฆ่า และฉกชิงวิ่งราว มีแหล่งค้ายาเสพติดขนาดใหญ่ จนเอาไปสร้างหนังฟอร์มยักษ์เรื่อง Tropa de Elite (โทรป้า จิ อิลิทจิ) จนพระเอกที่เล่นชื่อ Wagner Moura โด่งดัง เพราะเล่นเป็นหัวหน้าหน่วยปราบปรามยาเสพติดหน่วยพิเศษ BOPE(บ้อปปิ๊)  ที่สร้างขึ้นเพื่อสื่อให้เห็นถึงความเครียดและความเอาจริงเอาจังในการปราบปรามยาเสพติด ใน ริโอ ดิ จาเนยโร โดยตำรวจหน่วยนี้ถูกฝึกมาอย่างโหด เพื่อให้ปราบปรามยาเสพติดด้วยวิธีการ 'สังหารแหลก'!! หนังมีสองภาค ภาคแรกได้รับรางวัลภาพยนต์ยอดเยี่ยม Golden Bear จากงาน Berlin International Film Festival ปี 2008 ด้วย แต่ดูแล้วเครียดมาก...อะไรจะโหดขนาดนั้น!

แต่หลังจากเครียดแล้วเราก็ควรไปดูให้เห็นกับตา ว่าแล้วก็ไปผ่อนคลายความเครียดด้วยการไปเที่ยว Rio de Janeiro ดีกว่า!!  




ภาพจาก วิกิพิเดีย
กริชตูเรเดงโตร์

วันพุธ, เมษายน 06, 2554

กิน-ดื่ม (Food&Drink) อย่างบราซิลเลี่ยน(ต่อ)


เมื่ออิ่มจากอาหารคาวอันหลากหลายตามสไตล์บราซิลเลี่ยน หนังท้องตึงหนังหน้าก็หย่อน เอ้ย..หนังตาก็หย่อนเป็นธรรมดา แต่ยังไม่หมด!! กินอย่างบราซิลเลี่ยนของจริง...หลังจากของคาวต้องต่อด้วยของหวานและกาแฟร้อน ของหวานที่นี่ ช่างหว๊าน หวาน จนอยากจะบอกว่า หวานแบบนี้กินน้ำตาลแทนเลยน่าจะดีกว่า จะได้ไม่ต้องเหนื่อยทำ แต่ไม่ได้ค่ะ..บราซิลเลี่ยนต้องดูดีไว้ก่อน หน้าตาดี ดูดี ภาพพจน์ดี เพียงแต่ต้องลองชิมถึงจะรู้ว่าอร่อยหรือไม่อร่อย ไม่ต่างจากผู้หญิงบราซิล บางคนดูดี๊ ดูดี๊ ทาเล็บแดง แต่งหน้า ทำผมเนี๊ยบ แต่ก็ต้องลองคบดูถึงจะรู้ว่าอร่อยหรือไม่อร่อย อุ้ย เกี่ยวมั้ยนี่....!!! โทษทีค่ะ มันเผลอ ^^' 
อ่ะ..มา ม๊ะ มาลองชิมกัน....


อ้อ..เกือบลืม สำหรับอาหารหวาน คนที่นี่นิยมทำสองอย่าง คือ ถ้าไม่เข้าร้านกาแฟสั่งกาแฟแก้วเล็กๆ หรือที่นี่เรียก Cafezinho (กาแฟซิงโย่ มักเสิร์ฟพร้อมโซดาแก้วเล็กๆไว้ดื่มล้างรสชาติความขมของกาแฟด้วย) และของหวานซักอย่าง ก็มุ่งตรงกลับบ้านเพื่อไปดื่มกาแฟและของหวานที่เตรียมไว้ที่บ้าน หรือถ้าไม่อย่างนั้น หากไม่โหยของหวานๆก็สั่งกาแฟซักถ้วยก่อนเช็คบิลจากร้านอาหาร แค่นี้ก็กลับบ้านอย่างสบายใจถือว่า มื้ออาหารเสร็จสมบูรณ์ ร้านกาแฟที่มีชื่อ มีหลายร้านให้เลือกเต็มไปหมดแล้วแต่ชอบ เช่น Kopenhagen, Café do Ponto, Café Pilão, Havanna, Grão Espresso ฯลฯ 




เริ่มกันที่ของหวานยอดฮิต



  • Chocolate Brigadeiros (ช็อกโกลาทชิ บริกาเดยโรส) - ฮิตที่สุด เป็นช็อกโกแลตที่เมื่อกัดเข้าไปแล้ว ข้างในจะเป็นเนื้อช็อกโกแลตนุ่มๆหวานๆ ทำได้หลายแบบอาจทำเป็นเค้กก็ได้ ใส่ถ่้วยเล็กๆก็มี หรือจะเคลือบด้วยอย่างอื่นเช่น คาราเมล หรือน้ำเชื่อมสีสันก็สุดยอด แต่ที่เป็นที่นิยมที่สุดคือแบบลูกกลมๆเล็กๆ เคลือบด้วยช็อกโกแลตแท่งขนาดจิ๋ว เสิร์ฟคู่กับกาแฟบราซิลร้อนๆแก้วเล็กๆ ไม่ใส่นม หอมกรุ่นกล่มกล่อม แค่นี้ก็พอใจ เดินทางกลับปลอดภัยกันเลยทีเดียว(ขนาดนั้น) 

  • Pudim (พุดจิ้ง) - สะกดและออกเสียงแปลกๆ แต่มันก็คือพุดดิ้งนี่ล่ะ หอมหวานอร่อย ด้านบนเป็นท้อปปิ้งรสคาราเมล ว่าว่างๆจะลองทำดู แต่เปลี่ยนใจ..ไม่เอาดีกว่า เพราะลองมันหมดทุกอย่างนี่ล่ะ ถึงได้....อืมมม...
  • Doce de Leite (โดซซี่ จิ เลทชิ) - อันนี้ไม่พูดไม่ได้เลย Doce แปลว่าหวาน ส่วน Leite แปลว่า นม รวมกันแล้วกลายเป็น แยมนม รสชาติเหมือนคาราเมลข้นๆหนืดๆ มีทั่งแบบก้อน และแบบเหลวที่ใช้ทำใส้ขนมหรือของหวานต่างๆ ในไอศกรีมรส Doce de Leite ก็เป็นที่นิยม ซึ่งถ้าใครอยากลอง ในเมืองไทยมีขายในร้าน Haagen dazs แพงหน่อยแต่อย่างว่าของนอกอ่ะนะต้องทำใจ ส่วนที่บราซิล คนที่นี่ชอบมากคือแบบข้นๆหนืดๆ ซึ่งซื้อเก็บไว้ในตู้เย็น เอาไว้กินกับกล้วยหอม หรือไม่ก็ทาขนมปัง หรือกินเปล่าๆมันซะเลย หวานมันซะใจกันไป แต่ฉั้นขอบายเพราะไม่ค่อยสันทัดกับของหวานเจี๊ยบขนาดนี้ซักเท่าไร แบบว่า..จะหนักไปทางของคาวซะมากกว่า
  • Bolo de Cenoura com Cobertura de Chocolate (โบโล จิ ซิโนร่า กง โคแบตูร่า จิ ช็อกโกลาทชิ) - ชื่อย้าวยาว เรียกมันว่าแครอทเค้กราดช็อกโกแลตท้อปปิ้งแล้วกัน มีขายทั่วไปตามร้านเบอร์เกอรี่ หรือจะทำเองที่บ้านก็ง่าย(แต่ทำไม่เป็นนะ แล้วง่ายตรงไหน? กล้าพูด) ยอดฮิตจนแม้กระทั่งในละครทีวีก็ยังเห็นเอาเข้าฉากกันเลย 
  • Panettone (ปาเนตโตนี่)/ Colomba Pascuale (โคลอมบา ปาสควล) - เอาล่ะ และแล้วก็ถึงเทศกาลสำคัญ คริสมาสต์ ปีใหม่และอีสเตอร์ ในทุกๆปีวันสำคัญที่สุดของคนบราซิลเห็นจะเป็นวันคริสต์มาสนี่แหละ คนที่นี่ส่วนใหญ่นับถือศาสนาคริสต์ และเพราะวันสำคัญเช่นนี้จึงมีขนมเค้ก ปาเนตโตนี่ ทำออกมาขาย ตั้งเป็นกองเพนินตามร้านค้าและซุปเปอร์มาร์เก็ต เริ่มตั้งแต่ช่วงประมาณเดือนพฤศจิกายน-มกราคม เป็นเค้กที่มีต้นกำเนิดจาก เมืองมิลาน อิตาลี ใช้สำหรับฉลองในช่วงวันพิเศษที่ว่า ผู้คนต่างแห่ซื้อกลับบ้าน ไว้กินในช่วงเช้าและช่วงเย็น หรือซื้อเป็นของฝากกันมากมาย ข้อดีของเค้กนี้ถึงแม้รสชาติคล้ายกันแต่มีใส้ต่างกัน เช่น ใส้ผลไม้รวม ใส้ลูกเกด และใส้ช็อกโกแลต นอกจากอร่อยแล้วยังสามารถเก็บได้นานหลายสัปดาห์โดยรสชาติและความนุ่มของเนื้อเค้กยังคงเหมือนเดิมอีกด้วย น่าจะพอเดาได้ว่ารสไหนจะขายดีกว่ากัน ระหว่างผลไม้รวม ลูกเกด หรือช็อกโกแลต ...รสผลไม้เหรอ แอร่ดดดด...ตอบผิด! รสช็อกโกแลตต่างหาก ก็ดูขนมหวานที่เล่ามาทั้งหมดสิ ส่วนใหญ่เป็นช็อกโกแลตทั้งน้าน คนที่นี่โปรดปรานช็อกโกแลตเป็นชีวิตจิดใจค่ะ


  • ในช่วงอีสเตอร์ก็เป็นอีกเทศกาลที่ นอกจาก ไข่อิสเตอร์ (Easter Eggs) ที่ห้อยเต็มร้านเบอเกอร์รี่และซุปเปอร์มาร์เก็ตระเกะระกะเต็มไปหมดแล้ว ก็ยังมีเค้ก Colomba Pascuale (โคลอมบา ปาสควล) อีกอย่างที่เป็นเค้กสำหรับเทศกาลนี้โดยเฉพาะ มีต้นกำเนิดเดียวกับ Panettone รสชาติก็คล้ายๆกัน แต่ออกจะเข้มข้นกว่านิดนึง เช่น รสช็อกโกแลตก็จะเข้มข้นกว่า หวานกว่าและมีหน้าท้อปปิ้งด้วย ประมาณนั้น 

Easter Eggs ไข่อีสเตอร์ห้อยเต็มซุปเปอร์มาร์เก็ตเลย



Colomba Pascal
เอาล่ะ ของหวานยอดฮิตผ่านไป อิ่มแล้วก้อดื่มกันดีกว่า... จริงๆเรื่องเครื่องดื่มที่เคยลองมีไม่กี่อย่าง แต่ที่พบว่าสำหรับคนบราซิลแล้ว นอกจากกาแฟบราซิลที่ขึ้นชื่อ ซึ่งแม้จะมีร้านกาแฟดีๆมากมายให้เลือกสรร  แต่เค้าก็นิยมทำกาแฟดื่มเองที่บ้านด้วย เพราะผงกาแฟสดและอุปกรณ์ทำกาแฟมีขายทั่วไปตามร้านค้าและซุปเปอร์มาร์เก็ต มีหลายราคาหลายยี่ห้อ Café do Ponto, Café Pilão ฯลฯ ซึ่งก็แล้วแต่ละบ้านนิยมแบบไหน ทันสมัยหน่อยก็ใช้เครื่องทำกาแฟ โบราณหน่อยก็ต้มด้วยอุปกรณ์ต้มกาแฟแบบง่ายๆ ฉั้นเองเลือกใช้แบบโบราณนะเพราะมันดูอนุรักษ์นิยม โบราณๆน่ารักดี ฝึกต้มไว้รับแขก ไม่งั้นอาจดูผิดมารยาทไปเล็กน้อยสำหรับที่นี่ถ้าแขกมาบ้านทั้งที่แต่ไม่มีกาแฟเสิร์ฟ!


วิธีชงกาแฟเองแบบง่ายๆก็คือ ต้มน้ำให้เดือด เตรียมที่กรอง ตักผงกาแฟสดใส่ที่กรองไว้ประมาณ 1-1 1/2 ช้อนโต๊ะ(สำหรับกาแฟ 1 แก้ว) พอน้ำเดือดก็นำมาเทลงที่กรองที่มีผงกาแฟอยู่ ช้าๆให้ผงกาแฟค่อยๆละลายไหลผ่านลงในแก้ว ถ้าชอบดื่มแบบใส่นมก็ให้เตรียมอุ่นนมประมาณ 60-80 mil ไว้ในแก้วเลย(ควรเป็นนมอุ่นเพื่อคงความร้อนของกาแฟไว้) แล้วก็กรองผงกาแฟลงไปผสมกับนม เติมน้ำตาลหรือ Sweetener ตามชอบ แค่นี้ก็จะได้กาแฟร้อนๆหอมกรุ่นไว้ดื่มแล้ว
                                        กาต้มน้ำ, ผงกาแฟสด, ที่กรอง(พลาสติกทนร้อน)และ แก้วกาแฟ

Cafezinho ก็ใช้วิธีชงแบบเดียวกัน
จากกาแฟ ก็มาที่เครื่องดื่มมึนเมากันซักนิด เพราะก็มีโอกาสได้ลองมาบ้าง เช่น
Beer สด หรือ Chopp


  • Beer - คนที่นี่ชอบดื่มเบียร์มากเรียกว่าดื่มแทนน้ำเลยก็ว่าได้ เบียร์ที่นี่ถูกมากกกก ทั้งเบียร์สดและเบียร์แห้ง(เอ้ แห้ง?) แบบว่าในกระป๋องอ่ะ ไม่รู้จะเรียกอะไร ที่นี่ตามหัวมุมถนนจะมีบาร์เล็กๆตั้งอยู่เต็มไปหมดเกือบทุกหัวมุมที่ทำเลดีๆ เช่น Bom Rini Bar ที่พูดถึงไปแล้ว เปิดทั้งวัน ขายทั้งมื้อเที่ยงและเย็น ไม่มีเพลงหรือดนตรีสดให้ฟังนะ มีแต่เบียร์ให้ดื่มและอาหารอร่อยๆ ผู้คนจะมานัดเจอกันแล้วก็นั่งคุยกัน เฮฮา ดูเหมือนจะสนุกสนาน และร้านเต็มได้ทุกคืนวันพฤหัสและศุกร์ตั้งแต่ประมาณทุ่มสองทุ่ม ฉั้นไม่เคยไปนั่งช่วงกลางคืนหรอกแต่เพราะอยู่ใกล้บ้าน เลยแอบสังเกตุ 


  • Caipirinha (ไคปิริงญ่า) - เครื่องดื่มยอดฮิตอีกอย่างที่พลาดไม่ได้ ทุกร้านต้องมีเมนู Cocktail นี้ โดยมีส่วนผสมหลักคือ Cachaça (คาชาร์ซ่า) ซึ่งเป็นเครื่องดื่มแอลกอฮอล์รสชาติคล้ายว้อดก้าชนิดหนึ่ง (ทำจากอ้อย) ผสมน้ำตาล น้ำมะนาว และน้ำแข็ง คนให้เข้ากัน ปรับแต่งรสชาติตามชอบ แต่ถ้าตามสูตรในหนังสือแนะนำไว้คือ มะนาว 2 ลูก(ใช้ทั้งน้ำและเนื้อ), น้ำตาล 1 ช้อนโต๊ะ, Cachaça 2-3 ช้อนโต๊ะ เสร็จปุ๊บต้องออกมาหน้าตาแบบนี้...(หมายถึง ไคปิริงญ่านะ)

อืมม..ชื่นใจ ^^

  • Guaraná (กวาราหน่า) - ขอแนะนำอันสุดท้าย เครื่องดื่มนี้เป็นนำ้อัดลม แต่ กวาราหน่า คือผลไม้ชนิดหนึ่งจากป่าอเมซอน มีเฉพาะในบราซิล สงสัยรสชาติคงถูกใจมากจึงถูกน้ำมาปรับแต่งให้เป็นน้ำอัดลมประจำชาติ ก็หวานๆซ่าๆ คล้ายเซเว่นอัพ สีน้ำเป็นสีคล้ายชา เป็นที่นิยมไม่แพ้โค้กเลยทีเดียว


หมดละ ของหวานและเครื่องดื่มที่อยากแนะนำ ไม่รู้อ่านแล้วมีใครอยากจะลองกินดื่มแบบคนบราซิลดูบ้างซักวันสองวันมั้ย ลองดูซิว่าจะได้อารมณ์แซมบ้ารึป่าว อ้อ..แต่อย่ากินอาหารคาวแล้วตามด้วยกาแฟเย็นล่ะ เพราะที่นี่ไม่มีกาแฟเย็น คนบราซิลเห็นกาแฟเย็นบ้านเราคงขำ ส่วนฉั้นถึงแม้จะลองมาหลายอย่างแต่ยังไงก็กลับมาตายรังด้วยการทำอาหารไทยกินเองเกือบทุกวัน ดื่มกาแฟต้มเอง ตามด้วยของหวานบ้างบางมื้อ! โชคดีที่นี่มีใบกระเพราขายด้วย ถึงแม้กลิ่นจะต่างกันเล็กน้อยแต่หน้าตาเหมือนกันเป๊ะ ค่อยพอประทังความคิดถึงอาหารไทยและเมืองไทยไปได้บ้าง 
    Related Posts Plugin for WordPress, Blogger...