ทันทีที่รู้ว่าแฟบได้งานใหม่แล้ว แต่ไม่ใช่ในเมืองไทย เป็นงานใหม่ในนิวซีแลนด์!! คำถามแรกที่ถามตัวเองคือ อ้าวแล้วตรูล่ะ...ทำไง? ใช่...นั่นแหละคือความรู้สึกแรกที่ถามตัวเองเมื่อชีวิตต้องพลิกผัน เมื่อแฟบจะต้องย้ายไปอยู่นิวซีแลนด์และบอกว่าอยากให้เราไปด้วยกัน แต่เพราะยังไม่แน่ใจในหลายๆอย่าง โดยเฉพาะความไม่แน่ใจว่าฉั้นจะอยู่ได้รึป่าว ก็เลยยังไม่ขอฉั้นแต่งงาน แต่คำถามต่อมาคือ แล้วไม่แต่งงานแล้วจะไปด้วยกันได้ไงหว่า??? ฉั้นนั่งคิดต่อ ไม่เคยมีประสบการณ์ต้องไปอยู่ต่างประเทศมาก่อนด้วย เล่าให้แม่กะพ่อฟัง เค้าก็ไม่ได้ว่าอะไร บอกว่าเราโตแล้วดูแลตัวเองได้ ตัดสินใจเองได้ ไอ้เราก็อยากอยู่ด้วยกันหรอกเพราะรู้ว่าเวลาต้องอยู่ห่างไกลกันมันทรมานขนาดไหน แต่ก็กังวลหลายอย่าง ทั้งงานที่ทำ ทั้งรถที่ผ่อน ทั้งแม่ที่ต้องดูแล แล้วไปจะไปทำอะไร อยู่ยังไง แล้วถ้าอยู่ไม่ได้แล้วทำไง!!! ระหว่างที่คิดแฟบก็ต้องจัดการเดินเรื่องเอกสารของเค้าแล้ว แฟบบอกฉั้นว่าฉั้นยื่นขอวีซ่าทำงานได้ เผื่ออยากทำงานที่นู้น และการขอวีซ่าทำงานในนิวซีแลนด์สำหรับฉั้นก็ไม่ต้องมีใบรับรองงาน เพราะสามารถขอไปกับคู่ partner ก็คือ แฟบซึ่งมีงานทำอยู่แล้ว อืมม...เหรอ...เอางั้นนะ งั้นลองดูก็ได้ เมื่อคิดได้ดังนั้นเลยตัดสินใจ เป็นไงเป็นกัน แล้วก็เริ่มงงหนักกว่าเดิมเมื่อต้องเริ่มต้นติดต่อสถานทูตนิวซีแลนด์เพื่อสอบถามข้อมูลการขอวีซ่าทำงานโดยเดินทางไปกับ Partner ได้ข้อมูลว่าต้องเตรียมเอกสารหลักๆ ดังนี้...
- บัตรประจำตัวคนไทย โดยใช้ Passport
- สำเนาทะเบียนบ้าน
- ใบรับรองการศึกษา
- ใบเกิด
- ใบเปลี่ยนชื่อ(ถ้ามี) ฉั้นก็เพิ่งนึกออกว่าเคยเปลี่ยนชื่อมาครั้งนึง จาก พิมพร เป็น จันทิมา ตอน 3 ขวบ เปลี่ยนจากเชยเป็นเชยน้อยกว่าหน่อย!! จึงต้องเตรียมใบเกิดไปด้วย
- ใบรับรองความประพฤติจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ... อันนี้เริ่มจะไม่เบสิค
ตำรวจ: "สามีมาด้วยรึป่าว" ในตอนนั้นแน่นอน ฉั้นยังไม่ได้แต่งงาน และเห็นชัดเจนอยู่แล้วว่าบัตรประชาชนยังเป็น น.ส.
ฉั้น: "ยังไม่ได้แต่งงานค่ะ"
ตำรวจ: "งั้นก็ต้องขอวีซ่าคู่หมั้น" ตำรวจนายนั้นพยามให้คำแนะนำ ฉั้นต้องอธิบายว่าฉั้นต้องการขอวีซ่าทำงาน ไม่ต้องการวีซ่าคู่หมั้น ฉั้นยังถูกซักต่อ
ตำรวจ: "แล้วจะไปทำอะไรที่นิวซีแลนด์ แล้วแฟนมาด้วยรึป่าว แฟนทำงานอะไร"
ฉั้นเริ่มหงุดหงิดเล็กน้อยเพราะ สำนักงานกรมตำรวจแห่งชาติ จริงๆแล้วมีหน้าที่ออกใบรับรองความประพฤติให้ประชาชนเท่านั้น ไม่ได้มีหน้าที่ให้คำแนะนำว่าเราต้องขอวีซ่าประเภทไหน คำถามที่ควรถามจึงควรเป็น "ต้องการนำไปใช้ขอวีซ่าประเภทไหน?" มากกว่า แล้วค่อยให้คำแนะนำว่าต้องใช้เอกสารอะไรบ้าง แต่การตั้งคำถามหลายๆคำถามดูผิดมารยาทซะจริง ฉั้นเริ่มหงุดหงิด สีหน้าเร่ิมออกอาการแต่ยังต้องพยายามข่มใจให้เย็น
บทสนทนายังไม่จบ....
ตำรวจ: "เอ้าๆ เอาเอกสารมาตามนี้....."(ก็เบสิคเอกสารที่ว่าข้างต้น) "แล้วจะไปทำไร"
ฉั้น: "ไปทำงานค่ะ"
ตำรวจ: "แล้วไหนใบรับรองงาน"
ฉั้น: "ยังไม่มีค่ะ จะไปหางานที่นู้น"
ตำรวจ: "ไม่มีใบรับรองงานขอวีซ่าไม่ได้หร้อกก"
ฉั้น: ถอนหายใจยาวววว นึกในใจ ไม่ได้มาขอวีซ่า...มาขอใบรับรองความประพฤฤฤฤฤติ เฮ้อออ กลั้นใจ...ฮึบ "แฟนหนูมีค่ะใบรับรองงาน...หนูจะไปกับแฟน"
ตำรวจ: "อ่ะ..งั้นก็เอาใบรับรองงานของแฟนมาแนบ...
ฉั้น: "เอ่อ...แต่ไม่ได้เอามาค่ะ เพราะไม่รู้ว่าต้องใช้ ....ที่นี่มี internet มั้ยค่ะ จะ print จาก email มาค่ะ"
โชคดี...ที่กรมตำรวจมี internet ให้ใช้ด้วย... มีตั้ง 1 เครื่อง แต่มีตำรวจนายหนึ่งนั่งใช้อยู่ซึ่งเราก็นั่งรอคิว ผ่านไป 10 นาที ยังไม่มีทีท่าว่าจะได้ใช้อินเตอร์เน็ต จนผ่านไป 20 นาที ระหว่างรอ ก็กรอกใบคำร้อง และต้องถ่ายสำเนาเพิ่ม เพราะใช้หลาย copy ต้องเดินข้ามไปอีก 2 ตึกมีร้านถ่ายเอกสารเล็กๆตั้งอยู่ ถ่ายเอกสารเสร็จกลับมา ตำรวจนายนั้นก็ยังใช้อินเตอร์เน็ตไม่เลิก! ฉั้นเริ่มกระวนกระวายและหงุดหงิด นั่งกรอกใบคำร้องและพิมพ์รอยนิ้วมือทั้ง 10 นิ้ว ติดต่อเจ้าหน้าที่เพื่อตอบคำถามเดิมๆ ว่าไปทำอะไร ที่ไหนยังไง จนกลับมาที่โต๊ะคอมพิวเตอร์เพื่อปริ๊นเอกสารใบรับรองงาน แต่ พระเจ้า...ตำรวจนายนั้นยังคงใช้อยู่ ไม่ไหวละ!
ฉั้น: "พี่คะ...เอ่อ พอดีต้องใช้อินเตอร์เน็ตแป๊บนึง...รบกวนพี่หน่อยได้มั้ยค่ะ"
ตำรวจ: ไม่พูดอะไร แล้วลุกให้ด้วยอาการหงุดหงิด
แฟบจัดการลงนั่งและสั่งปริ้นอย่างรวดเร็ว.....โชคไม่ดี กระดาษดันติด! ฉั้นเหลือบไปเห็นข้อความเขียนว่า 'กรุณาใส่กระดาษที่ละ 1 แผ่น' แฟนตรูใส่ไปประมาณครึ่งรีม!!! ความผิดของเราเอง แต่ทำไงได้ฝรั่ง อ่านภาษาไทยไม่ออกเฟร้ย ไม่วาย..ต้องเรียกตำรวจนายเดิมกลับมา
ฉั้น: "เอ่อ...พี่คะ ช่วยดูให้หน่อยค่ะ กระดาษมันติด" ฉั้นพูดด้วยอาการนอบน้อมและสุภาพ
ตำรวจ: บ่นงึมงำในลำคอ ความว่า "อ่านภาษาไทยไม่ออกรึไง เค้าบอกให้ใส่ทีละแผ่น...ไม่รู้เรื่องเล้ยยยยย!!!"
ขันติเถิดขันติ....แกบ่นไปแก้ไปอย่างหงุดหงิด หลังจากเราปริ้นได้ก็รีบวิ่งไปยื่นอย่างรวดเร็ว ไม่อยากเชื่อ ว่าฉั้นต้องรอใบรับรองความประพฤติอีกตั้งหนึ่งเดือนถึงจะได้ ฉั้นเดินคอตกกลับบ้าน เพราะไม่รู้มาก่อนว่ามันจะนานขนาดนั้น! >_<
แต่ซึมไม่ได้นานก็ต้องเริ่มเตรียมเอกสารในลำดับต่อไป.....
7. ใบรับรองแพทย์ การขอวีซ่าทำงานในนิวซีแลนด์ ต้องตรวจสุภาพที่ รพ. BNH ที่สาทร ค่าตรวจประมาณ 5,000บาท หลังจากตรวจสุขภาพ รับทราบผลตรวจเป็นปกติ ซองผลตรวจถูกปิดผนึกอย่างดี ห้ามเปิดจนกว่าจะถูกนำส่งถึงมือเจ้าหน้าที่สถานทูต
การขอวีซ่าทำงานในนิวซีแลนด์นั้น อย่างที่บอก หากไม่มีใบรับรองงานก็สามารถทำได้ ด้วยการขอวีซ่าแบบมี partner โดย partner จะต้องมีงานทำและใบรับรองงานเรียบร้อย ในฐานะ partner ก็แสดงหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์ของคนทั้งคู่ ว่ามีระยะยาวนานแค่ไหน มีความเป็นมาอย่างไร ดังนั้น หลังจากเตรียม Passport, สำเนาทะเบียนบ้าน, ใบรับรองการศึกษา, ใบเกิด, ใบเปลี่ยนชื่อ, ใบรับรองความประพฤติจาก สนง.ตำรวจแห่งชาติ(ที่สุดท้ายก็ได้มา!) และ ใบรับรองผลตรวจสุขภาพจากแพทย์แล้ว เราก็จำเป็นจะต้องเตรียมเอกสารใดๆที่สามารถยืนยันสัมพันธภาพของเราไปด้วย เช่น อีเมลล์ที่เขียนติดต่อกัน, รูปถ่ายและตั๋วเครื่องบินที่ไปเที่ยวด้วยกันในทริปต่างๆ เป็นต้น และเพิ่มเติมในส่วนของเอกสารที่สามารถยืนยันความมั่นคงทางการเงินของเราทั้งคู่ได้้ด้วย เช่น พวกบัญชีสมุดเงินฝาก เงินลงทุน ประกันชีวิตรูปแบบต่างๆ เป็นต้น ของ partner ของเราก็เหมือนกัน โดยที่ขาดไม่ได้คือ ใบรับรองงาน, สัญญาว่าจ้าง และสุดท้ายเตรียมรูปถ่าย Passport Size อีกคนละ 6 รูป
เฮ้อ....เหมือนจะเสร็จแล้ว แต่....ยัง..... เอกสารทั้งหมดจะต้องแปลเป็นภาษาอังกฤษและประทับตรารับรองการแปลถูกต้องและรับรองเอกสารถูกต้องจากกระทรวงการต่างประเทศ (เราใช้บริการจากศูนย์แปลเอกสารทั่วไป ค่าแปลรวมค่ารับรองเอกสาร ก็ตกประมาณแผ่นละ 300-1,500 แล้วแต่รายละเอียดของเอกสาร ใช้เวลาแปลประมาณ 2-3 วัน) เสร็จจากการเตรียมเอกสาร ก็ถึงขั้นตอนการกรอก Application Form ซึ่งเป็นภาษาอังกฤษล้วนประมาณเกือบ 40 หน้า!! ต้องกรอกด้วยตัวบรรจง พร้อมแนบเอกสารทั้งหมดไปอย่างเป็นระเบียบ กว่าจะเลิกงงกับเอกสารกับการจัดระเบียบ ก็เล่นเอามึน!!
สถานทูต นิวซีแลนด์ อยู่ชั้น 15 อาคาร MThai ตึก All Season Place ถนนวิทยุ เราไปกันตั้งแต่ 9โมงเช้า สถานทูตยังไม่เปิด แต่เพราะเราตื่นเต้น...เรานำเอกสารทั้งหมดที่เตรียมมาร่วมเดือน พร้อม Application Form และค่าธรรมเนียมการขอวีซ่าทำงาน หรือ Work Visa 4,600 บาท (รับชำระด้วยบัตรเครดิตเท่านั้น)และกรอก Family Declaration เพื่อแจ้งชื่อสมาชิกในครอบครัว พ่อแม่ พี่น้อง เพิ่มเติมด้วย เราทำถูกต้องระเบียบทุกอย่างเพราะอยากให้เป็นไปได้ด้วยดีและราบรื่นที่สุด และสุดท้าย..เราก้อได้ใบนัดรับวีซ่า การยื่นขอวีซ่าทำงาน ทางสถานทูตจะใช้เวลาพิจารณาคุณสมบัติผู้ขอประมาณ 1 เดือน ไม่รวม 2 อาทิตย์แรกหลังจากที่วันยื่นเอกสาร รวมทั้งหมดก็คือ 1 เดือนกับอีก 2 อาทิตย์ และระยะเวลา Valid Date ของวีซ่าทำงานก็ประมาณ 2 ปี แฟนฉั้นได้รับวีซ่าภายในเวลาสัปดาห์เดียวเท่านั้นเพราะเค้าเป็นบราซิลเลี่ยน คนบราซิลเดินทางไปเที่ยวนิวซีแลนด์ไม่ต้องทำวีซ่า แต่การไปทำงานนั้นเค้ามีใบรับรองงานเรียบร้อยแล้วจึงได้รับเร็ว ส่วนฉั้นต้องรอตามกำหนด เค้าจึงต้องบินไปก่อนปล่อยให้ฉั้นนั่งแกร่ววววรอวีซ่าอยู่ที่เมืองไทยต่อไปอีกเป็นเดือน!!! :-(
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น