เป็นเวลา 5 เดือนผ่านไปกับการโยกย้ายมาใช้ชีวิตอยู่ ที่เมืองโอ๊คแลนด์, นิวซีแลนด์ การอยู่ที่นี่ทำให้เริ่มค้นพบความแตกต่างในหลายๆแง่มุม นี่อาจจะเป็นความแตกต่างระหว่างประเทศที่พัฒนาแล้วกับกำลังพัฒนามั้ง เพราะนอกจากภาษาซี่งที่นี่ใช้ภาษาอังกฤษเป็นหลัก ก็ยังได้เรียนรู้สำเนียง ผู้คน วัฒนธรรม การเมือง และวิถีชีวิตของคนนิวซีแลนด์ด้วย มันก็สร้างความรู้สึกที่แปลกใหม่ดี
พอมาใช้ชีวิตอยู่กับฝรั่งเข้าจริงๆ ก็ได้เห็นบุคลิกของพวกเค้าที่เอาเข้าจริง ฉั้นไม่ค่อยคุ้นเคย และต้องฝึกอะไรอีกหลายอย่าง หลายครั้งที่ความไม่เคยชินทำให้เป็นเหมือนเด็กขี้กลัว ขี้อาย ไร้ความมั่นใจ และประหม่าไม่กล้าพูด แต่พอเริ่มปรับตัวได้ ก็เริ่มสัมผัสได้ถึงความสุภาพและใจดี สำหรับฉั้น ไม่ใช่แค่เพราะไม่ชินกับการใช้ภาษาที่ไม่ใช่ของตัวเอง แต่เพราะทุกคนต่างกล้าพูด กล้าแสดงความคิดเห็น คนไทยอย่างฉั้นที่ถูกสอนให้เคารพผู้ใหญ่ ไม่พูดสอดแทรก และให้สงบเสงี่ยมเจียมตัว ถึงแม้จะไม่เคยเป็นเด็กดีปานนั้น แต่เอาเข้าจริงก็ถึงขั้นขวยเขินและเหนียมอายซะอย่างงั้น ฉั้นต้องปรับตัวอย่างเลี่ยงไม่ได้ อาการเขินอายอาจยังมีอยู่ในช่วงหลังๆแต่ก็กล้าพูดมากขึ้น กล้าจ้องตา กล้าแสดงความคิดเห็นที่ขัดแย้ง เคยชินกับการทักทายแบบฝรั่ง ถึงแม้จะยังมีอากาประหม่าเวลาต้องเข้าสังคมอยู่บ้างและเมื่อต้องเจอผู้คนมากหน้าหลายตาแต่ก็ต้องสวมหน้ากากกันซักนิด เพื่อให้ไม่ดูแตกต่างและแปลกประหลาดจนเกินไป
คนนิวซีแลนด์ ถือว่าเป็นคนที่เข้มงวดมากในหลายๆเรื่อง ด่านแรกเลยก็เห็นจะเป็นเจ้าหน้าที่สนามบินนี่แหละ ที่นี่มีข้อห้ามหลายอย่างในการเข้าประเทศ เช่น ห้ามนำอาหาร พืชพันธฺุ์ สัตว์เลี้ยง ยาบางประเภท(แน่นอนต้องห้ามยาเสพติด) ที่สนามบินจะมีสุนัขตำรวจที่ฝึกมาอย่างดีคอยดมกลิ่นตรวจตรา การฝ่าฝืนหากถูกจับได้ละก็ ค่าปรับเป็นแสนบาทเลยทีเดียว ฉั้นเองถึงแม้จะเสียดายอย่างสุดซึ้งที่ไม่สามารถนำอาหารอะไรมาที่นี่ได้เลย ไม่ว่าจะเป็น มาม่า น้ำปลา น้ำพริก น้ำจิ้มไก่แม่ประนอม ซุปไก่ก้อน .... และอื่นๆอีกมากมาย ฯลฯ แต่ก็ไม่กล้าเสี่ยงฝ่าฝืนเด็ดขาด เพราะถ้าโดนจับได้ขึ้นมา....แค่คิด ยังขนลุก (แต่ก็โชคดี ที่ที่นี่ สามารถหาซื้อได้ทุกอย่างที่ว่ามาจาก Asian Store ใกล้บ้าน ^^)
มี Campaign เกี่ยวกับเรื่อง เมาไม่ขับ การงดดื่ม และการใช้มือถือระหว่างขับรถ บางตัว ที่ดูแล้วก็ขนลุกอีกและละอายต่อการทำผิดขึ้นมาซะอย่างงั้น ส่วนใหญ่เป็นอิทธิพลจากอังกฤษ แต่ก็ใช้ได้ผลทีเดียว
แหม..บรรยากาศมันชวนให้ละอายต่อบาปจริงๆนะ ขนาดตำรวจนิวซีแลนด์ เกิดมายังไม่เคยเห็นตำรวจที่ไหนทำงานจริงจังมาก่อน! ผลสำรวจของ Transparency International ของปี 2009 ยังบอกเลยว่า นิวซีแลนด์คือประเทศได้รับคะแนนความน่าเชื่อถือว่ามีการ Corruption น้อยที่สุดเป็นอันดับหนึ่งโลก ในขณะที่ประเทศไทยอยู่อันดับ 84 ในทั้งหมด 180 ประเทศ ฟังแล้วยังขนลุก ถึงแม้เหตุผลหนึ่งอาจเพราะประชากรที่นี่มีไม่มาก แต่ตำรวจที่นี่ก็จริงจังต่อการปฏิบัติหน้าที่จริงๆ ความผิดที่เราคิดว่าเล็กๆน้อยๆ ที่นี่กลับถือเป็นเรื่องใหญ่ เช่น การตีลูกหรือแม้แค่จับตัวเด็กเขย่า คุณอาจโดนแจ้งตำรวจจับก็ได้(แต่ชาวตะวันตกเค้าไม่สอนลูกด้วยวิธีการตีอยู่แล้ว) การขับรถเร็วเกินกำหนด ต่อให้คุณมี ที่อยู่ อยู่ที่ต่างประเทศ ใบสั่งก็สามารถส่งตามไปได้อย่างไม่ต้องสงสัย(อันนี้มีประสบการณ์ตรง แฮ่ะ แฮ่ะ ^^') และการไม่จ่ายค่าธรรมเนียมผิดกฏจราจร ตำรวจมีสิทธิ์จะไปยึดของในบ้านเราไปได้เหมือนกัน อ๊ะ อ๊ะ ยังไม่หมด .. ที่นี่มีเจ้าหน้าที่ควบคุมเสียงดังรบกวน ที่เรียกว่า Noise Control Officer ด้วย หากวงปาร์ตี้เสียงดังก่อความรบกวนหลังเที่ยงคืนละก็ โดนยึดเครื่องเสียงแน่นอน!! ที่ฉั้นรู้สึกตะลึงมากกว่านั้นก็คือ พวกเค้าไม่รับเงินกัน อย่าได้บังอาจยื่นเงินใต้ใบขับขี่ให้ตำรวจที่นี่เชียว ไม่งั้นโดนสองข้อหาซ้อนแน่นอน..จะหาว่าไม่เตือน เหตุผลที่ไม่รับเงินไม่ใช่แค่เรื่องศักดิ์ศรีหรอก แต่เพราะคนที่นี่แทบจะไม่มีความแตกต่างระหว่างรวยหรือจน เพราะทุกคนเสียภาษีตั้งเกือบครึ่งหนึ่งของรายได้อยู่แล้ว แถมยังต้องจ่ายค่าภาษีสินค้าตั้ง 12.5% อีกต่างหาก (Goods and Services Tax (GST)) แค่นี้ก็เกือบหมดตัวกันถ้วนหน้า แต่ถ้าอยากอยู่ในประเทศสวยๆ ดีๆ ไม่มีคอร์รัปชั่น ไม่มีขโมยขะโจน ชุกชุม ไม่มีอาชญากรรม ไม่มีอุบัติเหตุ ฯลฯ แล้วล่ะก็ ก็ต้องยอมจ่ายภาษีให้รัฐบาลนำเงินนั้นมาพัฒนาประเทศกันอย่างที่เห็น แต่ไม่ต้องห่วงเพราะรัฐบาลที่นี่...เค้าไว้ใจได้!
นอกจากเรื่องขับรถแล้ว การทิ้งขยะตามท้องถนน การแยกขยะเปียก แห้ง และรีไซเคิล หรือแม้แต่การใช้ถุงพลาสติกโดยไม่จำเป็น ก็ถือเป็นเรื่องจริงจัง เวลาฉั้นไปช๊อปปิ้งเล็กๆน้อยๆ ยังไม่กล้ารับถุงพลาสติกเลย เพราะนอกจากจะถูกชาร์จค่าถุงเล็กน้อยแล้ว เราก็กลัวจะมีส่วนในการสร้างมลภาวะด้วย หลังๆฉั้นไปซุปเปอร์มาร์เก็ตก็ต้องฝึกพกถุงผ้าไปด้วยเพื่อแบ่งเบาภาระให้กับถุงพลาสติก!
ตัวอย่างความสะอาด |
ตัวอย่างความสงบ |
ที่นิวซีแลนด์ มีจำนวนประชากรวัวและแกะมากกว่าประชากรคนซะอีก อย่างไม่น่าเชื่อ..คนนิวซีแลนด์มีอยู่ประมาณ 4 ล้านคน แต่วัวมีประมาณ 5 ล้าน!! ยิ่งฤดูหนาว ฝนตก หญ้าก็อุดมสมบูรณ์ ทำให้วัวและแกะก็ยิ่งอุดมสมบูรณ์ คนก็กินนมที่อุดมสมบูรณ์ เกษตรกรก็รวย เพราะนมเป็นรายได้หลักของประเทศในการส่งออก ฐานะของคนที่นี่จึงไม่สำคัญไปกว่าการได้อยู่ในประเทศที่มีธรรมชาติสวยงาม อุดมสมบูรณ์ ปลอดภัย และพูดได้เต็มปากว่านี่คือ "Quality of life"
ไม่มีรูปวัวอ่ะ มีแต่รูปแกะ แบ่ะๆๆๆๆ |
ขนาดข่าวใหญ่ที่สร้างความตื่นเต้นที่สุดนับตั้งแต่ฉั้นมาอยู่ คือ เรื่องที่นักศึกษาสาวชาวจีนมาถูกฆาตรกรรมและทิ้งศพไว้ในรถ กับข่าวพายุบนภูเขาที่เกาะใต้ ทำให้คนต้องค้างคืนที่นั่นเพราะลงเขาไม่ได้ ...ฉั้นว่ารายงานสภาพอากาศยังมีความตื่นเต้นมากกว่า เพราะฤดูหนาวของที่นี่ต้องลุ้นทุกวันว่าฝนจะตกหรือไม่ตก แถม Weather forecast ของที่นี่ แม่นยำน่าดู
แม้คนที่นี่อาจมีแนวโน้มเป็นโรคซึมเศร้าได้สูงเพราะที่กล่าวมาทั้งหมด จนรัฐบาลต้องออก Campaign รณรงค์ให้ปรึกษาจิตแพทย์หากรู้ตัวว่ามีอาการซีมเศร้าหรือ Depressive Disorder ไม่น่าเชื่อ..เพราะชีวิตอาจขาดความตื่นเต้นเกินไป ละครหลังข่าวก็ไม่มีให้ผ่อนคลาย รายการ Game Show, Talk Show ก็ไม่มีให้ดู ตัวตลก อย่าง โหน่งเท่งหม่ำ ก็ไม่มีให้ขำ Sky หรือ Cable TV ของที่นี่ถึงแม้จะมีหลากหลายรายการ แต่ส่วนใหญ่จะมาจาก USA และ UK ส่วนรายการของนิวซีแลนด์เองที่ฉั้นติดตามเป็นประจำก็คือ "Breakfast" หรือรายการข่าวผสมวาไรตี้ช่วงเช้า ที่มีพิธีกรชื่อดัง Paul Henry ที่ทำให้เรตติ้งรายการพุ่งกระฉูดสลับกับตกฮวบเวลาที่ Paul พูดจาดีสลับกับพูดจาแย่ๆในรายการ เพราะหลายครั้ง Paul ก็ปากเสียเอาจริงๆจังๆ ทำให้คนรักและคนเกลียดจึงมีปริมาณพอๆกัน
อีกรายการหนึ่งคือ "DIY Rescue" คือการซ่อมบ้านเก่าๆให้กลับมาน่าอยู่อีกครั้ง ฉั้นชอบรายการนี้มาก เพราะได้เห็นผู้คนในหลายรูปแบบและในหลายพื้นที่ของนิวซีแลนด์ โดยทีมงานจะตามไปซ่อมแซมบ้านให้คนที่เดือดร้อนและร้องขอมา ได้เห็นคนที่ลำบากกลับมามีชีวิตที่ดีอีกครั้ง บางครั้งถึงขั้นบ่อน้ำตาตื้นกันเลยทีเดียว แล้วก็รายการทำอาหาร "Food Channel" ที่สอนทำอาหารกันทั้งวี่ทั้งวัน เพราะคนที่นี่ส่วนใหญ่อยู่ติดบ้านมากๆถ้าไม่เดินทางท่องเที่ยวก็ดูเหมือนจะไม่มีกิจกรรมที่น่าสนใจมากมายนัก ดังนั้น อยู่บ้านทำอาหาร ดีกว่า ฉั้นเองจึงได้หัดทำอาหารอย่างเอาจริงเอาจังก็ตอนมาอยู่ที่นิวซีแลนด์นี่แหละ ทั้งอาหารคาว อาหารหวาน อาหารว่าง อาหารไทย อาหารฝรั่ง ทำได้หมด ขอให้บอกสูตรและขั้นตอนมาก็พอ ^^ นอกเหนือจากนี้ ก็ต้องติดตามรายการยอดฮิตอื่นๆของ USA และ UK นั่นแหละ แต่ส่วนใหญ่จะเป็นรายการติดเรท M และ PG ซึ่งก็ต้องทำใจกับข้อความที่ขึ้นเตือนตลอด ว่า "รายการนี้เป็นรายการที่มีเนื้อหาเกี่ยวข้องกับ เพศ ยาเสพติด และอาจมีคำไม่สุภาพ ผู้ปกครองควรให้คำแนะนำแก่เด็กและบุตรหลาน"!! เพราะที่นี่เค้ากังวลมากสำหรับอนาคตของเด็ก จึงไม่ยอมให้มีมลภาวะใดๆที่เป็นพิษ แม้กระทั่งในรายการทีวี
อีกรายการหนึ่งคือ "DIY Rescue" คือการซ่อมบ้านเก่าๆให้กลับมาน่าอยู่อีกครั้ง ฉั้นชอบรายการนี้มาก เพราะได้เห็นผู้คนในหลายรูปแบบและในหลายพื้นที่ของนิวซีแลนด์ โดยทีมงานจะตามไปซ่อมแซมบ้านให้คนที่เดือดร้อนและร้องขอมา ได้เห็นคนที่ลำบากกลับมามีชีวิตที่ดีอีกครั้ง บางครั้งถึงขั้นบ่อน้ำตาตื้นกันเลยทีเดียว แล้วก็รายการทำอาหาร "Food Channel" ที่สอนทำอาหารกันทั้งวี่ทั้งวัน เพราะคนที่นี่ส่วนใหญ่อยู่ติดบ้านมากๆถ้าไม่เดินทางท่องเที่ยวก็ดูเหมือนจะไม่มีกิจกรรมที่น่าสนใจมากมายนัก ดังนั้น อยู่บ้านทำอาหาร ดีกว่า ฉั้นเองจึงได้หัดทำอาหารอย่างเอาจริงเอาจังก็ตอนมาอยู่ที่นิวซีแลนด์นี่แหละ ทั้งอาหารคาว อาหารหวาน อาหารว่าง อาหารไทย อาหารฝรั่ง ทำได้หมด ขอให้บอกสูตรและขั้นตอนมาก็พอ ^^ นอกเหนือจากนี้ ก็ต้องติดตามรายการยอดฮิตอื่นๆของ USA และ UK นั่นแหละ แต่ส่วนใหญ่จะเป็นรายการติดเรท M และ PG ซึ่งก็ต้องทำใจกับข้อความที่ขึ้นเตือนตลอด ว่า "รายการนี้เป็นรายการที่มีเนื้อหาเกี่ยวข้องกับ เพศ ยาเสพติด และอาจมีคำไม่สุภาพ ผู้ปกครองควรให้คำแนะนำแก่เด็กและบุตรหลาน"!! เพราะที่นี่เค้ากังวลมากสำหรับอนาคตของเด็ก จึงไม่ยอมให้มีมลภาวะใดๆที่เป็นพิษ แม้กระทั่งในรายการทีวี
เข้มงวดกันซะขนาดนี้ เดาว่าที่นี่จะต้องไม่มีแหล่งมั่วสุมยามวิกาลแน่นอน เพราะเท่าที่รู้...ฉั้นไม่เคยเห็นแหล่งที่ผู้หญิงกลางคืนสามารถมายืนอวดเรียวขา นุ่งสั้น แต่งหน้าจัด มายืนโบกรถให้รอรับ ตามสวนสาธารณะ (หรือมีก็ไม่รู้ ใครรู้ช่วยบอกหน่อย) เคยได้ยินแว่วๆทางสถานีวิทยุ ว่า New Zealand Girls พร้อมเบอร์โทรให้ติดต่อ สำหรับหนุ่มขี้เหงา..อะไรประมาณนั้น เรื่องนี้ฉั้นเองไม่สันทัด ได้แต่สังเกตุเอาจากสื่อทีวีและวิทยุ เห็นบนช่องทีวีก็มีรายการติดเรทบางประเภท ที่ต้องมี PIN No._ _ _ _ ซึ่งต้องสมัครเป็นสมาชิกถึงจะดูได้ ก็แหม..หนาวก็หนาว เหงาก็เหงา จะให้สาวๆไปยืนรอตามสวนสาธารณะคงจะไม่ไหว ก็ต้องใช้วิธีนี้แหละนะ แต่จะได้ผลหรือไม่ได้ผลอย่างไร เท่าที่รู้..นี่ก็น่าจะเป็นวิธีหนึ่งที่ช่วยลดอาชญากรรมไปได้เยอะพอสมควรเลยทีเดียว
เดี๋ยวไปแล้วจะลองให้หมดค่ะคุณก้อย น่ากินทุกอย่างค่ะ
ตอบลบ