ตอนแรกตั้งใจว่าจะลดน้ำหนัก เพราะหลายคนทักว่าอ้วน เฮ้อ...คิดแล้วเศร้า!! เลยลองเปลี่ยนพฤษติกรรมการบริโภคซะใหม่ กลับมาช่างน้ำหนัก...นอกจากน้ำหนักตัวจะไม่เพิ่มขึ้นแล้ว ทั้งผม ทั้งผิว และเล็บสุขภาพดีขึ้นด้วย ขับถ่ายก็เป็นเวลา นอนหลับก็สบาย ไม่เจ็บไม่ป่วย แถมหลายคนทักว่าอายุ 25 อยู่เพราะเห็นหน้าเด็ก อิ๊ อิ๊! แข็งแรง ดูเด็ก และสุขภาพดี เรื่องน้ำหนักก็ค่อยว่ากันแบบค่อยเป็นค่อยไป
หลังจากเปลี่ยนพฤษติกรรมการบริโภคของตัวเอง โดยเริ่มจากการซื้ออาหารดีๆมีประโยชน์มาตุนไว้ แล้วบังคับให้ตัวเองฝึกกินอาหารที่มันดีต่อสุขภาพ
มื้อเช้า ตื่นมาก็ดื่มน้ำ 1 แก้ว กินซีเรียลกับนม 1 ถ้วย น้ำส้มอีกครึ่งแก้ว มะละกอสุกลูกเล็กอีกครึ่งลูก บางทีก็เป็นกล้วยหอมแทน และบางวันก็เพิ่มโยเกิร์ตเข้าไปบ้าง เออ...ขับถ่ายเป็นเวลาดีแฮ่ะ รู้สึกเหมือนได้ชำระล้างร่างกาย เริ่มต้นวันอย่างอารมณ์ดี มีอาหารเช้ารองท้อง
เมื่อก่อนไม่ค่อยกินมื้อเช้า แล้วจะรู้สึกหิวจัดในมื้อเที่ยง แถมสวาปามเต็มคราบอีกในมื้อเย็น สาเหตุของการที่น้ำหนักจะขึ้นโดยไม่ทันตั้งตัว ซีเรียลและนมในมื้อเช้าก็ดีมาก เป็นคนไทยเลยไม่เคยลองกินซีเรียลมาก่อน แต่ตั้งแต่มาอยู่ที่บราซิล กินซีเรียลรสช้อกโกแลตของเนสต์เล่แล้วให้อารมณ์เหมือนกินขนม กินกับนมจืดพร่องมันเนย ได้ทั้งโปรตีน วิตามิน แร่ธาตุ แคลเซี่ยม และสารอาหารอื่นๆที่ร่างกายต้องการ ทุ่นแรงไปได้เยอะ น้ำผลไม้ก็ซื้อแบบกล่องมีวิตามินและเกลือแร่ไม่แพ้ผลไม้สดเหมือนกัน เก็บได้นาน ดื่มทุกวันเช้าและเย็น รู้สึกสดชื่นมาก
มื้อเที่ยง ทำอาหารที่มีโปรตีน คาร์โบไฮเดรต เกลือแร่และวิตามิน คือเน้นเนื้อสัตว์ประเภท ไก่ หมู กุ้ง ปลา เติมไข่เข้าไปบ้าง และใช้ผักประเภทต่างๆ เช่น แครอท กระเทียม หอมใหญ่ เป็นหลักในการปรุงอาหาร อาหารคาวเสร็จแล้วก็ดื่มน้ำเปล่าซัก 2 แก้ว งดของหวาน กินผลไม้แทน อาจเป็นพวกแตงโม กล้วยหอม ส้ม หรือไม่ก็งดไปเลย กินแต่อาหารคาว เออ..ดีกว่ากินพวกของทอดของมันหรืออาหาร Junk Food ตั้งเยอะแน่ะ
มื้อเย็น จากที่เคยชอบจัดหนักในมื้อเย็น ก็เปลี่ยนมาหาพวกผลไม้รองท้องช่วง 4-5 โมงเย็นก่อน แล้วตามด้วยดื่มน้ำซักแก้ว ช่วง 6 โมงเย็นถึง 2 ทุ่ม ก็กินสลัดผักบ้าง น้ำสลัดก็ทำเองด้วย น้ำมันมะกอก 2 ช้อนโต๊ะ, เกลือนิดหน่อย พริกไทดำป่นนิดหน่อย และ เชอร์รี่วิเนแกรตหรือเรดไวน์วิเนแกรต 1 ช้อนชา ใช้ผักสลัดเป็นพวกผักร้อกเก็ตหรือผักออร์แกนิค สูตรจากเชฟ กอร์ดอน แรมซี อร่อยเหมือนในร้านอาหารอิตาเลี่ยนเลยอ่ะ!! บางทีก็ขนมปังซักก้อน(แต่จะให้ดีไม่ควรกินคาร์โบไฮเดรตในมื้อเย็น ต้องลองพยายามมงดดู) ดื่มน้ำส้ม แล้วก็กินยาคูลท์บ้าง โยเกิร์ตบ้าง ผลไม้บ้าง หลัง 2 ทุ่มไปแล้วก็ห้ามตัวเองไม่ให้หิวอีก ทำเป็นลืมๆไป แล้วก็เข้านอนให้เป็นเวลาเพราะช่วงที่เรานอนหลับไม่ต้องใช้พลังงานอะไร แค่ไม่ปล่อยให้ท้องว่างจนร้องคำรามรบกวนการนอน ก็ถือว่าเข้านอนได้อย่างสบายใจแล้ว พยายามไม่นอนดึกมาก...เหมือนเด็กอนามัยจัด แต่ผลประกฏว่าเดี๋ยวนี้ขอบตาไม่คล้ำ ผิวพรรณก็ดูสดชื่น แถมตื่นง่ายไม่งัวเงีย อ่อนเพลียจัดเหมือนเมื่อก่อน
ก่อนเข้านอน แวะดื่มน้ำอีก 1 แก้วแก้กระหายหลังจากแปรงฟัน แรกๆปวดชิ้งฉ่องกลางดึก แต่พอร่างกายปรับตัวซักพัก ก็เริ่มเก็บกักน้ำใด้นานขึ้นไม่ตื่นกลางดึก ตื่นอีกทีก็เช้าเลย ร่างกายคนเรานี่มันกลไกมหัศจรรย์จริงๆ พอมีน้ำคอยหล่อเลี้ยงระหว่างหลับก็รู้สึกชุ่มชื่น ตื่นมาก็หน้าตาสดใส
แล้วก็ออกกำลังกายอีกนิดหน่อย อาทิตย์ละ 2-3 วัน เหงื่อออกแล้วรู้สึกอารมณ์ดี นี่ละมั่งที่เค้าว่าสารแห่งความสุข!
มาเห็นสุขภาพตอนนี้เลยทำให้ย้อนนึกถึงเรื่องอาหาร 5 หมู่ ที่เคยเรียนสมัยเด็กแต่ไม่เคยใส่ใจ มาตอนนี้จึงต้องเริ่มเปิดตำรากันใหม่ เอ้า...มีอะไรมั้งนะ อาหาร 5 หมู่เนี่ย
เปิดมาหมู่แรก 'โปรตีน' - เนื้อสัตว์ ไข่ ถั่วและนม ช่วยสร้าง กระดูก กล้ามเนื้อ เลือด เม็ดเลือด ผิวหนัง น้ำย่อย ฮอร์โมน ภูมิต้านทานเชื้อโรคต่าง ๆ หากบริโภคไม่เพียงพอ ตัวก็จะเล็กแกรน ผิวไม่สวย เลือดไม่ค่อยดี แต่ถ้าเพียงพอ ร่างกายก็เจริญเติบโตสมส่วน ผิวสวยดูสุขภาพดี มิน่าล่ะ...ช่วงนี้กินครบทั้งหมู่ ถึงได้แข็งแรงไม่เจ็บไม่ป่วย!
'คาร์โบไฮเดรต' - ข้าว แป้ง และน้ำตาล แม่เจ้า! ลืมไปซะสนิท ว่าที่ผ่านมาเล่นกินทั้งข้าว แป้งและน้ำตาลซะเต็มที่ เช้า กลางวัน เย็น ร่างกายถึงได้อวบอิ่มสมบูรณ์เกิน ลืมไปซะสนิท หรือไม่ได้ใส่ใจก็ไม่รู้ ก็ตอนเด็กๆเคยผอมมาก่อนนี่นา แถมเมื่อก่อนเป็นคนไม่กินมื้อเช้า ชอบรอจนถึงเที่ยงให้หิวจนตาลาย ทรมานร่างกาย ท้องก็ร้อง สมองก็ทำงานเชื่องช้า จิตใจก็ไม่ร่าเริงแจ่มใส แถมพอบริโภคอาหารหมู่นี้เยอะเกิน แล้วไม่ได้ขยับเขยื่อนเคลื่อนไหว ไม่มีการเผาผลาญมันเลยกลายเป็น "ไขมัน" โอ้ว..ฉั้นทำอะไรลงไป!!
ยังไม่จบ เรื่อง 'ไขมันและน้ำมัน' เปิดมาเจอหมู่นี้แล้วอึ้ง อยู่ในหมู่ที่ให้พลังงานและความอบอุ่นเหมือนกัน แต่ลืมไปว่าปกติอาหารที่เราบริโภคก็มีไขมันจากน้ำมันประกอบอาหารอยู่แล้ว ยังไม่รวมไขมันในธัญพืชและผลไม้บางประเภท ที่ถึงแม้มันจะเป็นไขมันชนิดดีหรือไขมันไม่อิ่มตัว แต่ยังมีไขมันในเนื้อสัตว์อีกล่ะ อย่าง หนังไก่ของชอบ มันหมูแสนอร่อย ของทอดของมันของโปรด ฯลฯ พวกนี้เป็นไขมันชนิดไม่ดีหรือไขมันอิ่มตัวทั้งนั้น อยู่ในอาหารของชอบทั้งนั้นเลย เคยบริโภคแบบไม่ยั้งจนไปสะสมตามสะโพก ต้นขา ต้นแขน หน้าท้อง ตามใต้ชั้นผิวหนัง มันเคยมีอยู่ในปริมาณที่แค่ให้ความอบอุ่นต่อร่างกาย แต่วันดีคืนดีมันก็เกินความต้องการจนค่อยๆทยอยเผละเป็นเซลลูไลท์แทน โอ้ว...น่ากลัว!!
'วิตามินและเกลือแร่' - ผักและผลไม้ มีกากใยและกรดดีที่ช่วยทำให้เราขับถ่ายเป็นเวลา ช่วยให้สดชื่น ถึงแม้ฉั้นจะไม่ค่อยมีปัญหาเรื่องการขับถ่าย แต่เมื่อก่อนเวลาที่บริโภคอาหารย่อยยากๆ เหมือนว่ามันจะถูกขับถ่ายออกไม่หมด จนมีแก๊ซในกระเพาะ หรือบางวันถ้าไม่ได้ขับถ่าย ก็จะเกิดอาการมึนหัว รู้สึกมวนๆท้อง และตามมาด้วยอาการหงุดหงิด ผลระยะยาวที่ตามมาคือผิวก็ไม่สวยโดยเฉพาะผิวหน้า ระยะหลังหันมากินผลไม้เยอะขึ้น กากใยและกรดคงเข้าไปล้างลำใส้ได้มาก เลยขับถ่ายเป็นเวลาขึ้น รู้สึกสะอาด และตั้งแต่งดบริโภคเนื้อแดง หันมาเน้นพวกอาหารทะเล เช่น กุ้งหรือปลาแทน อาหารก็ย่อยง่ายขึ้น รู้สึกเบาตัวขึ้นเยอะ
'น้ำ' ก็สำคัญมากจริง เวลาดื่มน้ำน้อยๆ ร่างกายจะขาดน้ำ เลือดจะหนืด ไหลเวียนไปเลี้ยงหัวใจก็ไม่ค่อยสะดวก ไหลไปเลี้ยงสมองก็ลำบาก ไม่มีน้ำผิวจะแห้งเหมือนไม่มีคอลลาเจน ลำใส้ไม่มีน้ำหล่อลื่นก็ขับถ่ายลำบาก การดื่มน้ำมากไปไม่มีโทษอะไรเลยร่างกายก็แค่ขับถ่ายออก ที่ใครๆก็บอกว่า ปริมาณ 6-8 แก้วก็ถือว่า maximum แล้วล่ะ ฉั้นก็ไม่เคยดื่มได้มากกว่านั้นเลย คนเราส่วนใหญ่ที่ไม่ค่อยดื่มน้ำเพราะ ลืมบ้าง ขี้เกียจไปฉี่บ้าง หรือไม่ก็ดื่มอย่างอื่น เช่น น้ำอัดลมหรือน้ำผลไม้แทน! แต่จริงๆแล้ว น้ำเปล่านี่แหละดีที่สุด น้ำอัดลมก็มีแก๊ซทำให้เรอ ไม่ก็ท้องอืด ส่วนน้ำผลไม้ก็ดี แต่ความสดชื่นมันต่างกัน ไม่น่าเชื่อ การดื่มต้องอาศัยการฝึกฝน ฉั้นลองฝึกดื่มให้เป็นเวลาดู ได้ผลแฮ่ะ เพราะร่างกายก็รู้สึกกระหายเป็นเวลาด้วย ฉั้นดื่มน้ำหลังตื่นนอนหรือพร้อมมื้อเช้า หลังอาหารเที่ยง ช่วงเย็นๆ และช่วงก่อนนอน ก็ครบ 6-8 แก้วพอดี พอไม่ต้องฝืนดื่ม ก็รู้สึกว่าน้ำอร่อย และแก้กระหายได้ดีที่สุดจริงๆ
ฉั้นเชื่อแล้วว่า "การไม่มีโรคเป็นลาภอันประเสริฐ" แต่ลาภลอยมักไม่ค่อยมี คนเราจึงต้องดูแลสุขภาพตัวเองและใส่ใจกับอาหารที่บริโภคเข้าไปซะก่อน แม้เรื่องลดน้ำหนักยังอยู่ในช่วงเฝ้าระวัง แต่เรื่องสุขภาพที่ดีขึ้น ทำให้ขอบอกลาพฤษติกรรมการกินแบบเดิมๆของตัวเอง หันมาใส่ใจสุขภาพตัวเองและคนที่เรารักดีกว่า มีความสุขกว่ากันเยอะเลย