Pages

วันอังคาร, กรกฎาคม 05, 2554

เมืองไทยของฉัน ความภูมิใจของฉัน

วันนี้เห็นประเด็นร้อนๆที่ร้อนยิ่งกว่าอากาศในเมืองไทย คือ ประเทศไทยได้นายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของประเทศ แถมได้จากการเลือกตั้งด้วยคะแนนที่ชนะขาดลอย กลายเป็นประวัติศาสตร์หน้าใหม่ของประเทศไทย ฉั้นควรจะภูมิใจใช่มั้ย คำตอบคือ "ใช่" ฉั้นควรภูมิใจเพราะนี่คือการปกครองระบอบประชาธิปไตย 


พวกฝรั่งเค้าวิจารณ์กันว่า การปกครองแบบประชาธิปไตย จริงๆแล้วมันไม่เหมาะกับประเทศที่กำลังพัฒนาหรือประเทศโลกที่สามหรอก ฉั้นก็ว่างั้น เพราะต้องตัดสินกันด้วยเสียงข้างมาก เราจะรู้ได้ไงว่า เสียงข้างมาก เป็นเสียงแห่ง "คุณภาพดี" หรือเสียงแห่ง "คุณภาพด้อย" เพราะหนึ่งเสียงของคนมีความรู้สูงและทำงานหนัก ก็มีค่าเท่ากับหนึ่งเสียงของตาสีตาสา ยายมียายมา! และประเทศกำลังพัฒนาแปลว่ามันยังไม่พัฒนา เสียงข้างมากของประเทศที่ยังไม่พัฒนามันจะสามารถใช้ในการพัฒนาประเทศได้ยังไง เออ..พูดเองยังงงเอง!! 

แต่ในเมื่อเรื่องของการเมือง เมื่อประชาชนตาดำๆอย่างเราได้ทำหน้าที่ไปแล้ว คือการไปใช้สิทธิ์ออกเสียงของตัวเอง ออกจากคูหาเลือกตั้งแล้วทุกอย่างก็กลายเป็นหน้าที่ของคนที่อยู่ในวงการการเมืองต่อไป แต่ครั้งนี้หน้าที่ของเรากลับไม่จบแค่นั้น ยังมีเรื่องของจิตใจและมิตรภาพที่ยังต้องดูแลกันต่อ จริงๆแล้วมันไม่ผิดอะไรเลยกับการที่แต่ละคนเห็นแตกต่าง ไม่ผิดอะไรเลยที่แต่ละคนจะเชื่อในสิ่งที่ตัวเองคิดว่าควรเชื่อ ไม่ผิดอะไรเลยที่แต่ละคนมีความคิดเห็นส่วนตัวที่อาจจะเหมาะหรือไม่เหมาะสำหรับส่วนรวม ไม่ผิดอะไรเลยที่สุดท้ายเราก็ตัดสินใจตามวิจารณญาณของตัวเอง แต่สำหรับฉั้นสิ่งที่ผิดเพี้ยนไปก็คือ ผิดกับถูก ที่เรารู้ดีว่ามันแตกต่างกันยังไงแต่เป็นไปได้ที่เราอาจตัดสินมันด้วยบรรทัดฐานที่ต่างไปเพื่อประโยชน์อะไรบางอย่าง ทำให้ในวันนี้บางคนที่เรารู้จักหรืออาจเป็นเราเอง อาจมีอาการแสดงความไม่พอใจกับเหตุการณ์บางเหตุการณ์เกี่ยวกับการเมืองอย่างเปิดเผยและชัดเจน ในขณะที่บางคนหรืออาจเป็นเราเอง แอบซุ่มดูอยู่เงียบๆ แอบต่อต้านอย่างเป็นนัยๆ หรือแอบวิจารณ์อย่างเบาๆ เพราะไม่แน่ใจว่าตกลงแล้ว สิ่งที่ตัวเองทำอยู่มันผิดหรือมันถูกกันแน่ หลายคนเสียเพื่อนไปโดยไม่รู้ตัว เมื่อพบว่า 'เพื่อน' สนับสนุนพรรคการเมืองคนละฝ่าย อารมณ์เจ็บปวดลึกๆที่อยู่ภายในใจ ที่ต้องเห็นบ้านเมืองโดนทำลาย สถาบันพระมหากษัตริย์โดนดูถูก คนไม่มีความรู้เพียงพอเข้ามาบริหารประเทศ คนที่ขึ้นชื่อว่ามีความผิดฐานโกงกินชาติบ้านเมืองยังคงได้รับการสนับสนุนให้หนีความผิดและยังมีสิทธิ์ได้บริหารประเทศต่อไป ฝ่ายที่ความเจ็บปวดแบบนี้ซึมลึกเข้าสู่จิตใจอาจจะไม่สามารถแยกแยะประเด็นได้เหมือนเมื่อก่อนว่าการเมืองก็คือการเมือง มิตรภาพก็คือมิตรภาพ เพราะมันไม่ใช่แค่ความคิดเห็นทางการเมืองที่ไม่ตรงกันเท่านั้น แต่มันเป็นการเห็น 'เพื่อน' หรือคนที่เรารักไม่ร่วมทุกข์ไปด้วยกันแถมยังสนับสนุนการทำลายล้าง ในขณะที่อีกฝ่ายอาจมองว่านี่เป็นโอกาสเดียวที่พื้นที่ต่างจังหวัดและคนต่างจังหวัดจะได้ใช้สิทธิ์ของตัวเองให้เกิดประโยชน์สูงสุดสำหรับตัวเอง


สำหรับฉั้น เหตุการณ์ที่วุ่นวายอาจกลายเป็นสิ่งที่ต้องอาศัยเวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ อาจเป็นสัญญาณที่บ่งบอกถึงความไม่ชัดเจน คลุมเครือ ผิดเพี้ยน ไปบ้าง แต่ยังไงก็ตามในความเชื่อเรื่องพื้นฐานจิตใจของคนไทย ความเป็นคนใจดี ประนีประนอม การอยู่แบบพี่แบบน้อง แบบครอบครัวเดียวกันมาแต่ไหนแต่ไร สิ่งนี้หาไม่ได้ที่ไหนอีกแล้วบนโลกใบนี้ โดยเฉพาะในโลกอีกฝั่งที่ฉั้นอาศัยอยู่ ไม่มีใครต้องการเป็นพี่เป็นน้องกับใคร ไม่มีใครต้องการเป็นลุงป้าน้าอาของใคร ไม่มีใครต้องการเป็นญาติโกโหติกาของกันและกันเพราะไม่ได้มาจากครอบครัวเดียวกันหรือบางทีแม้จะมาจากครอบครัวเดียวกันก็เถอะ ความสัมพันธ์ที่ห่างเหิน เป็นแค่เพื่อนคนหนึ่ง แค่คนรู้จักกัน แค่ทำงานด้วยกัน มาเจอะเจอกัน แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน แล้วก็ร่ำลาจากกันไป ไม่มีใครให้ความสำคัญเรื่องอายุที่ต่างกันแล้วต้องเคารพกัน ไม่มีใครให้โอกาสใครได้ทำผิดพลาดแล้วมานั่งขอโทษเพื่อขอให้ให้อภัยกันซ้ำแล้วซ้ำอีก ไม่มีใครมีน้ำใจและจิตใจอ่อนโยนขนาดนั้น นอกจากคนไทย เราอยู่ร่วมกันได้ด้วยสิ่งๆนี้ 


ก็เพราะเราคือ คนไทย แม้บางครั้งเราอาจต้องเดินถอยหลังบ้าง...เพราะเสียงของคนส่วนใหญ่อยากให้เป็นอย่างนั้น เราอาจต้องยอมรับการสูญเสียบางอย่าง(หรือหลายอย่าง) สูญเสียคนที่เราเชื่อว่าเค้าเป็นคนพื้นฐานจิตใจดี สูญเสียเวลาในการพิสูจน์คนดี คนเลว สูญเสียชื่อเสียงและรายได้ของประเทศชาติ สูญเสียความหวัง สูญเสียพลัง สูญเสียกำลังใจ แต่สิ่งหนึ่งที่เราสูญเสียไม่ได้ คือ จิตวิญญาณความเป็นคนไทย ไม่ว่าจะรวยจะจน จะสุภาพหรือหยาบคาย มิตรภาพระหว่างคนไทยด้วยกันไม่มีใครสามารถสัมผัสมันได้ หากไม่มีเลือดเนื้อเชื้อไขของความเป็นคนไทย และไม่ได้เกิดและเติบโตในประเทศไทย วันนี้ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น สิ่งที่ฉั้นจะสำนึกไว้เสมอคือไม่มีใครจะรักประเทศไทยได้เท่ากับคนไทย สำหรับคนที่เมื่อมีโอกาสได้พิสูจน์ตัวเอง จงใช้โอกาสนี้พิสูจน์ และสำหรับใครที่มีโอกาสได้เป็นผู้ให้ จงให้โอกาสกับคนที่เค้ากำลังต้องการ


สำหรับฉั้น ไม่มีเงื่อนไขใดๆให้เปลี่ยนใจ ยังไงก็รักเมืองไทยอยู่ดี...

3 ความคิดเห็น:

  1. สวัสดีค่ะ ชื่อมะขามนะคะ เห็นแชร์ บล็อกไว้ในเพจ weddingsquare.com เราก็อยู่ เซาเปาโลค่ะ เข้ามาอ่าน บล็อกของคุณ จันทิมา แล้วก็อยากแสดงความเห็นด้วย ในฐานะคนไทยคนหนึ่ง ที่รักเมืองไทย และอยากอยู่เมืองไทยเสมอ :)

    เรื่องการเมืองที่กำลังเผ็ดร้อนกันอยู่ขณะนี้ ในเมื่อเสียงข้างมาก ได้เลือกแล้ว ไม่ว่าเราจะเห็นด้วยหรือไม่ เราก็ต้องยอมรับในผลของประชาธิปไตย เราเองก็เป็นผู้สังเกตุการณ์ และพิจารณาอยู่เงียบๆ เหมือนกัน เพราะเราไม่รู้จริงๆ ว่าเรื่องจริงเป็นอย่างไร ในผิดมีถูก ในถูกมีผิด แต่ละคนก็คิด และมองต่างกันไป จากวันนี้ ก็ต้องให้โอกาสสำหรับคนที่เค้าต้องการโอกาส อย่างที่คุณจันทิมา ว่านั่นแหละค่ะ

    ถ้ามีโอกาสได้เจอกันคงดีนะคะ เพราะเราคงอยู่บราซิลอีกนาน ยังไง แอด facebook มาได้นะคะ Makharm Sri-aksorn ค่ะ ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ :)

    ตอบลบ
  2. จะติดตามอ่านบล็อคพี่นะคะ สนุกดี :)

    ตอบลบ
  3. ขอบคุณค่าาาา :-)

    ตอบลบ

Related Posts Plugin for WordPress, Blogger...