ครบ 1 ปีแล้ว เย้!!! เหมือนจะดีใจยังไงบอกไม่ถูกที่อยู่บราซิลครบ 1 ปี เวลาช่างทำหน้าที่ของมันอย่างซื่อสัตย์ดีจริงๆ แม้จะเป็นเรื่องยากมากที่พยายามไม่คิดว่า ทำไมบางครั้งเวลามันถึงได้ช้าจัง หรือบางทีเวลาก็ผ่านไปเร็วเหลือเกิ๊น เพราะการอยู่อย่างไม่มีอะไรทำเป็นชิ้นเป็นอัน จิตใจเลยจดจ่อกับเรื่องเวลาเป็นพิเศษ แต่ก็ถือว่าฉั้นได้เรียนรู้อะไรมากมายหลายอย่างจากการมาอยู่ที่นี่ มีหลายสิ่งที่เปลี่ยนไปในตัวเอง เป็นผู้ใหญ่ขึ้น เติบโตขึ้น ทั้งบุคลิกท่าทาง ความคิดความอ่าน ความระแวดระวังรอบคอบในการใช้ชีวิต มันจะเปลี่ยนแบบชั่วคราวหรือถาวรก็ไม่แน่ใจ แต่ที่แน่ๆมันเริ่มต้นจากการต้องปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อม สังคม ผู้คน และการดำเนินชีวิตให้อยู่รอดของตัวเอง
มันยากอยู่นะที่จะใช้ชีวิตให้มีความสุขในทุกๆที่ ทุกๆวัน เพราะมันไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่า เราทำเพื่อ 'ใคร' หรือเพื่อ 'อะไร' แต่มันขึ้นอยู่กับว่าเราจะมี 'วิธีคิด' แบบไหนมากกว่า
การปรับมุมมองของตัวเองบ้าง ก็มีประโยชน์ เพราะบางครั้งก็ต้องยอมรับและปรับเปลี่ยนพฤติกรรมหลายอย่าง การทำใจให้กว้างกว่าเดิม เข้าใจและเปิดใจรับรู้สิ่งใหม่ๆ ฉั้นอาจไม่ได้ยอมรับในทุกสิ่งทุกอย่างในซีกโลกฝั่งอเมริกาใต้นี้ เพราะมีหลายอย่างที่มันขัดกับวัฒนธรรมที่เราเรียนรู้มาตั้งแต่เด็ก แตกต่างกับสังคมที่เราเกิดและเติบโต แต่การฝืนหรือยึดติดอยู่กับบางสิ่งบางอย่างมากเกินไป มันก็ไม่ได้ช่วยให้ชีวิตเราง่ายขึ้นเลย
การใช้ชีวิตอยู่อย่างระมัดระวัง เป็นการปรับตัวอย่างหนึ่ง ไม่มีคำว่า ชิลๆ สบายๆ อะไรก็ได้... ทุกอย่างต้องคิดต้องตรึกตรอง มันก็เป็นการฝึกจิตอย่างหนึ่ง ให้มีจิตใจที่เข้มแข็ง ไม่อ่อนต่อโลกจนเกินไป
การอยู่ในที่ที่ไม่มีผู้คนที่รู้จัก...ต้องอยู่ให้ได้ด้วยตัวเอง การไม่มีภาษาที่ถนัด ก็ต้องหัดเรียนรู้วิธีที่จะสื่อสาร การที่ไม่มีสถานที่ที่คุ้นชิน ก็ต้องเรียนรู้ที่จะอยู่ให้รอดและปลอดภัย ไม่มีอาหารที่ถูกปาก ก็ต้องลิ้มลองอาหารรสชาติใหม่ๆและมีความสุขกับอาหารที่ดีและมีประโยชน์ และแม้ไม่มีศาสนาที่นับถือ ก็ต้องอยู่ได้ด้วยจิตใจที่ยึดมั่นในความถูกต้องและความดี
เลิกพร่ำบ่นเถอะ ฉั้นบอกตัวเอง ว่าให้เลิกพร่ำบ่นกับอะไรต่างๆรอบตัวที่มันไม่ได้ดั่งใจ เพื่อจะได้ไม่ต้องอยู่อย่างคนทนรับสภาพ หดหู่และห่อเหี่ยวกับบางอย่างที่เราไม่ปรารถนาจะรับฟังหรือรับรู้ หรือโหยหาบางสิ่งที่รักและคิดถึง บางครั้ง...จิตใจเราเองต่างหากที่ไม่นิ่งพอที่จะไม่ตัดสินอะไรต่ออะไร ว่าถูกหรือผิด ดีหรือเลว ขาวหรือดำ หลายครั้งเราตัดสินจากประสบการณ์ตัวเอง จากอดีตของตัวเอง บรรทัดฐานของตัวเอง อาจคิดมากไป หวาดระแวงมากไป ยึดติดมากไป หรือ อะไรก็ตาม...
อาชญากรรม อุบัติเหตุ ปล้น ฆ่า มีข่าวให้เห็นอยู่ทุกวัน ละครเนื้อหาไม่เหมาะสมมีให้ดูอยู่ทุกคืน คนแล้งน้ำใจ ไม่เคารพกฏ กติกา มารยาท ก็มีอยู่เกลื่อน แต่จะพร่ำบ่นไปทำไมถ้าเราแก้ไขอะไรไม่ได้ หาอะไรที่ตัวเองชอบหรือสนุกๆทำ พบปะผู้คนบ้าง ไม่ว่าคนในครอบครัว เพื่อนใหม่ๆ เพื่อนของเพื่อน เพื่อนของแฟน แฟนของเพื่อน ที่มีโอกาสได้นัดเจอกัน ได้พบปะ พูดคุย หรือแม้แต่ทำอาหารให้เค้าชิม ไปออกกำลังกายให้จิตใจเบิกบานและสุขภาพแข็งแรง ไปเที่ยวเปิดหูเปิดตา เพ่ิมวิสัยทัศน์ใหม่ๆ เลือกอยู่กับคนที่เรารักและสบายใจ ทำใจให้ว่างเปล่ากับคนบางคนที่เราอาจตะขิดตะขวงใจ แค่นี้ความสุขเล็กๆเกิดขึ้นได้แล้ว
อย่าอยู่อย่างตามหาความสมบูรณ์แบบ ฉั้นฝึกที่จะพอใจและชื่นชมในสิ่งที่ตัวเองมี การมาอยู่ที่นี่ทำให้ฉั้นนั่งคิดทบทวนเรื่องนี้อยู่บ่อยๆ ไม่มีอะไรสมบูรณ์แบบ หรือแท้จริงแล้วทุกความสมบูรณ์แบบต้องประกอบไปด้วยความไม่สมบูรณ์ในสัดส่วน 1:1 เสมอ?!? ทุกวันที่เราตื่นมา ใช่ว่าอากาศจะสดใสชวนให้เบิกบานใจอยู่ทุกวัน แต่นั่นแหละ...ความสมบูรณ์แบบของธรรมชาติ ถ้าจิตใจเราไม่เบิกบานตามไปด้วย ก็เป็นเพราะความสมบูรณ์แบบในจิตใจที่ต้องมีความไม่สมบูรณ์แบบบางอย่างซ่อนอยู่!! ....เอาน่า อย่าเครียดไปเลย ชีวิตมันก็เป็นของมันอย่างนี้แหละ....
อยู่อย่างมีแผน 2 เสมอ ฉั้นไม่เคยกลัวกับการเปลี่ยนแปลงในชีวิต เพราะทุกครั้งที่ชีวิตเปลี่ยนแปลงฉั้นก็แค่รับผิดชอบกับมัน เราไม่มีวันล้มเหลวหรอกถ้าเราเตรียมความพร้อมด้วยแผน 2 (หรือ 3, 4...) ไว้เสมอ ไม่มีอะไรที่ต้องกลัว
ดูแลตัวเองและคนที่รักดีกว่า ในชีวิตคนเราจะมีซักกี่คน ที่เราจะรักเค้ามากมาย และจะมีซักกี่คนที่เค้าก็รักเรามากมายเช่นกัน มีซักกี่คนที่ไม่ต้องติดต่อพูดคุยกันตลอดเวลาแต่ความผูกพันก็ยังเหมือนเดิมเสมอ ฉั้นนึกดู.....ไม่มากเกินกว่าจะนับหรอก ใส่ใจคนเหล่านั้นเป็นพิเศษ ดูแลให้เค้ามีความสุขเท่าที่จะสามารถทำได้
ไม่ต้องถึงขั้นพยายามทำอะไรเพื่อใครต่อใคร หัดทำเพื่อตัวเองก่อน ซื่อสัตย์กับความรู้สึกและอารมณ์ของตัวเอง ไม่จำเป็นต้องตอบรับกับทุกคำเชิญ แต่อย่าปฎิเสธทุกสิ่งทุกอย่าง ไม่ต้องพยายามทำอะไรเพื่อให้ตัวเองดูดี แค่เป็นคนดีก็พอ
บางทีฉั้นก็ไม่รู้หรอก ว่าอะไรคือสิ่งที่ฉั้นรักหรือเกลียดที่นี่ อาจจะไม่มีเลยก็ได้! แต่ไม่ว่าสิ่งรอบตัวจะเป็นยังไง แค่ทำให้ได้อย่างที่คิดและพูดมา ...จะอยู่ที่ไหนบนโลกใบนี้ ฉั้นว่า...คนเราก็น่าจะมีความสุขได้ทั้งนั้น...
การใช้ชีวิตอยู่อย่างระมัดระวัง เป็นการปรับตัวอย่างหนึ่ง ไม่มีคำว่า ชิลๆ สบายๆ อะไรก็ได้... ทุกอย่างต้องคิดต้องตรึกตรอง มันก็เป็นการฝึกจิตอย่างหนึ่ง ให้มีจิตใจที่เข้มแข็ง ไม่อ่อนต่อโลกจนเกินไป
การอยู่ในที่ที่ไม่มีผู้คนที่รู้จัก...ต้องอยู่ให้ได้ด้วยตัวเอง การไม่มีภาษาที่ถนัด ก็ต้องหัดเรียนรู้วิธีที่จะสื่อสาร การที่ไม่มีสถานที่ที่คุ้นชิน ก็ต้องเรียนรู้ที่จะอยู่ให้รอดและปลอดภัย ไม่มีอาหารที่ถูกปาก ก็ต้องลิ้มลองอาหารรสชาติใหม่ๆและมีความสุขกับอาหารที่ดีและมีประโยชน์ และแม้ไม่มีศาสนาที่นับถือ ก็ต้องอยู่ได้ด้วยจิตใจที่ยึดมั่นในความถูกต้องและความดี
เลิกพร่ำบ่นเถอะ ฉั้นบอกตัวเอง ว่าให้เลิกพร่ำบ่นกับอะไรต่างๆรอบตัวที่มันไม่ได้ดั่งใจ เพื่อจะได้ไม่ต้องอยู่อย่างคนทนรับสภาพ หดหู่และห่อเหี่ยวกับบางอย่างที่เราไม่ปรารถนาจะรับฟังหรือรับรู้ หรือโหยหาบางสิ่งที่รักและคิดถึง บางครั้ง...จิตใจเราเองต่างหากที่ไม่นิ่งพอที่จะไม่ตัดสินอะไรต่ออะไร ว่าถูกหรือผิด ดีหรือเลว ขาวหรือดำ หลายครั้งเราตัดสินจากประสบการณ์ตัวเอง จากอดีตของตัวเอง บรรทัดฐานของตัวเอง อาจคิดมากไป หวาดระแวงมากไป ยึดติดมากไป หรือ อะไรก็ตาม...
อาชญากรรม อุบัติเหตุ ปล้น ฆ่า มีข่าวให้เห็นอยู่ทุกวัน ละครเนื้อหาไม่เหมาะสมมีให้ดูอยู่ทุกคืน คนแล้งน้ำใจ ไม่เคารพกฏ กติกา มารยาท ก็มีอยู่เกลื่อน แต่จะพร่ำบ่นไปทำไมถ้าเราแก้ไขอะไรไม่ได้ หาอะไรที่ตัวเองชอบหรือสนุกๆทำ พบปะผู้คนบ้าง ไม่ว่าคนในครอบครัว เพื่อนใหม่ๆ เพื่อนของเพื่อน เพื่อนของแฟน แฟนของเพื่อน ที่มีโอกาสได้นัดเจอกัน ได้พบปะ พูดคุย หรือแม้แต่ทำอาหารให้เค้าชิม ไปออกกำลังกายให้จิตใจเบิกบานและสุขภาพแข็งแรง ไปเที่ยวเปิดหูเปิดตา เพ่ิมวิสัยทัศน์ใหม่ๆ เลือกอยู่กับคนที่เรารักและสบายใจ ทำใจให้ว่างเปล่ากับคนบางคนที่เราอาจตะขิดตะขวงใจ แค่นี้ความสุขเล็กๆเกิดขึ้นได้แล้ว
อย่าอยู่อย่างตามหาความสมบูรณ์แบบ ฉั้นฝึกที่จะพอใจและชื่นชมในสิ่งที่ตัวเองมี การมาอยู่ที่นี่ทำให้ฉั้นนั่งคิดทบทวนเรื่องนี้อยู่บ่อยๆ ไม่มีอะไรสมบูรณ์แบบ หรือแท้จริงแล้วทุกความสมบูรณ์แบบต้องประกอบไปด้วยความไม่สมบูรณ์ในสัดส่วน 1:1 เสมอ?!? ทุกวันที่เราตื่นมา ใช่ว่าอากาศจะสดใสชวนให้เบิกบานใจอยู่ทุกวัน แต่นั่นแหละ...ความสมบูรณ์แบบของธรรมชาติ ถ้าจิตใจเราไม่เบิกบานตามไปด้วย ก็เป็นเพราะความสมบูรณ์แบบในจิตใจที่ต้องมีความไม่สมบูรณ์แบบบางอย่างซ่อนอยู่!! ....เอาน่า อย่าเครียดไปเลย ชีวิตมันก็เป็นของมันอย่างนี้แหละ....
อยู่อย่างมีแผน 2 เสมอ ฉั้นไม่เคยกลัวกับการเปลี่ยนแปลงในชีวิต เพราะทุกครั้งที่ชีวิตเปลี่ยนแปลงฉั้นก็แค่รับผิดชอบกับมัน เราไม่มีวันล้มเหลวหรอกถ้าเราเตรียมความพร้อมด้วยแผน 2 (หรือ 3, 4...) ไว้เสมอ ไม่มีอะไรที่ต้องกลัว
ดูแลตัวเองและคนที่รักดีกว่า ในชีวิตคนเราจะมีซักกี่คน ที่เราจะรักเค้ามากมาย และจะมีซักกี่คนที่เค้าก็รักเรามากมายเช่นกัน มีซักกี่คนที่ไม่ต้องติดต่อพูดคุยกันตลอดเวลาแต่ความผูกพันก็ยังเหมือนเดิมเสมอ ฉั้นนึกดู.....ไม่มากเกินกว่าจะนับหรอก ใส่ใจคนเหล่านั้นเป็นพิเศษ ดูแลให้เค้ามีความสุขเท่าที่จะสามารถทำได้
ไม่ต้องถึงขั้นพยายามทำอะไรเพื่อใครต่อใคร หัดทำเพื่อตัวเองก่อน ซื่อสัตย์กับความรู้สึกและอารมณ์ของตัวเอง ไม่จำเป็นต้องตอบรับกับทุกคำเชิญ แต่อย่าปฎิเสธทุกสิ่งทุกอย่าง ไม่ต้องพยายามทำอะไรเพื่อให้ตัวเองดูดี แค่เป็นคนดีก็พอ
บางทีฉั้นก็ไม่รู้หรอก ว่าอะไรคือสิ่งที่ฉั้นรักหรือเกลียดที่นี่ อาจจะไม่มีเลยก็ได้! แต่ไม่ว่าสิ่งรอบตัวจะเป็นยังไง แค่ทำให้ได้อย่างที่คิดและพูดมา ...จะอยู่ที่ไหนบนโลกใบนี้ ฉั้นว่า...คนเราก็น่าจะมีความสุขได้ทั้งนั้น...
เห็นด้วยทุกอย่างที่พี่ก้อยเขียนมาทั้งหมด แล้วหนูก็พยามทำเหมือนๆ กันกับพี่นี่แหละค่ะ Your happiness depends on you, not your circumstances :)
ตอบลบที่เค้าบอกว่าความสุขอยู่ที่ใจ มาตระหนักก็ตอนอยู่ที่นี่นี่แหละเน๊อะ!!?? :-) ฝึกปรือกันต่อไป
ตอบลบ