Pages

วันจันทร์, เมษายน 02, 2555

เสน่ห์ของบราซิล

ตั้งแต่อยู่บราซิลมา 2 ปีแล้ว ยังไม่เคยเขียนเรื่องประทับใจเกี่ยวกับประเทศนี้เลย ถ้าจะบอกว่าไม่มีข้อดีเลยก็คงดูจะลำเอียงและมองโลกในแง่ร้ายจนเกินไป อยู่ไปอยู่มา วันนี้ไม่รู้อารมณ์ไหนเลยอยากจะลุกขึ้นมาเขียนเรื่องดีๆเกี่ยวกับบราซิลบ้าง เพราะเท่าที่นึกได้จะต้องรีบบันทึกไว้ก่อน ไม่งั้นอาจลืม หรือไม่ความรู้สึกชื่นชมนี้อาจจะหมดไปได้ภายในพริบตาถ้ามีอะไรเข้ามารบกวนจิตใจ

เสน่ห์ของบราซิลในมุมมองของคนมาอยู่ ย่อมแตกต่างจากคนมาเที่ยวที่คิดว่าเสน่ห์ของความเป็นบราซิลคือ งานรื่นเริง บันเทิง ดนตรี และฟุตบอล แต่เสน่ห์ของบราซิลในความคิดของฉั้นที่แม้จะได้สัมผัสแค่เมืองเซาเปาโลที่มาอยู่ แต่ฉั้นก็ทึกทักเอาเองเลยว่านี่แหละคือ บราซิล  

คนบราซิล - แม้ฉั้นจะเคยมีประสบการณ์แย่ๆกับคนบางคนหรือหลายคนที่ได้มีโอกาสพบปะเจอะเจอครั้งแรก แต่เอาเข้าจริง คนบราซิลก็ไม่ได้เลวร้ายอะไรอย่างที่ฉั้นเคยตื่นตูมหรอก ช่วงแรกของการมาที่นี่คงเป็นเพราะความไม่ชินและไม่รู้ในความแตกต่างทางวัฒนธรรม ที่สำคัญฉั้นมาจากเมืองไทยที่ผู้คนแสนจะใจดี พออยู่ไปนานเข้าก็พอจะเข้าใจและรู้จักพวกเค้ามากขึ้น ผู้คนที่นี่ค่อนข้างมีเสน่ห์นะ ทั้งรูปลักษณ์ภายนอกและนิสัยใจคอบางอย่าง พวกเค้าเป็นคนกล้าพูด กล้าแสดงออก เปิดเผยมาก บางคนก็มีอารมณ์ขัน ตลกโปกฮา ทะลึ่ง ลามก เจ้าชู้ขี้เล่น หรือสไตล์สบายๆชิลๆ ก็มีเยอะ แต่น่าเสียดายตรงที่หลายๆคนอาจต้องปรับตัวให้อยู่ในโหมด 'ระวังภัย' กันเล็กน้อย ทำให้เป็นคนมองโลกในแง่ร้ายไปบ้างหรือดูไม่เชื่อใจใครและไม่ไว้ใจใคร อาจเข้าขั้นดูไม่จริงใจก็มีเยอะ ที่นี่มันไม่ค่อยปลอดภัยน่ะ บางสถานที่แหล่งชุมชนวันดีคืนดีก็มีการปล้น ออกข่าวให้เห็นประจำ ร้านอาหารเอย ตู้ ATM เอย แล้วไม่ได้ปล้นกันธรรมดานะ ปิดร้านปล้นลูกค้า วางระเบิดตู้ ATM ไม่ก็ปล้นแบงค์แบบ 20 แบ้งค์ภายในวันเดียว!! ปล้นร้านเพชรร้านทองก็บ่อย รถไฟ และรถเมล์ บางวันพนักงานก็หยุดงานประท้วงกันประจำ ประท้วงขอขึ้นเงินเดือน ผู้โดยสารก็เดือดร้อนกันไป ไม่มีรถไฟ ไม่มีรถเมล์ ให้ขึ้น พอมีเข้าซักคันก็ต้องแย่งกัน เบียดเสียดกันขึ้นไม่ว่าจะคนแก่ หรือเด็ก ไม่เว้นแม้แต่คนท้องก็ต้องโดนเบียดโดนผลัก ยิ่งมีการปล้นมากๆคนรวยบางคนกลับยิ่งอยากจะอวดรวย แปล๊ก แปลก!! คงเพราะไม่อยากให้คนอื่นดูถูก หรือไม่ก็เพราะอยากเป็นที่ยอมรับนับหน้าถือตา  ไหนจะข่าวอุบัติเหตุ และอาชญากรรมแบบจ้างวานฆ่า แบบเอาปืนจ่อยิงตายคารถ ก็มีให้ดูไม่เว้นแต่ละวันจนเป็นเรื่องปกติธรรมดา พวกขอทาน คนไร้บ้าน คนติดยา หรือพวกที่ชอบฉกชิงวิ่งราว สำหรับที่นี่เรียกว่า เด็กๆไปเลย!

แม้ยังไม่เคยเจอกับตัวหรือเห็นกับตาแค่ได้ยินข่าวเตือนมาก็ผวาแล้ว แต่ก็ถือว่าโชคดีไป!  แต่ที่พูดมาทั้งหมดแค่อยากจะบอกว่า น่าเห็นใจที่คนหลายๆคนจึงหลีกเลี่ยงไม่ได้กับภาวะเครียด หวาดระแวง ระวังภัย มองโลกด้านลบ ท้ังที่เนื้อแท้ของคนบราซิลจริงๆแล้ว พวกเค้าเกิดและเติบโตมากับความบันเทิงเริงรมย์ การร้องรำทำเพลง การท่องเที่ยว การได้แสดงความรักใคร่ชอบพอด้วยการกอด การจูบ การแตะเนื้อต้องตัวอย่างไม่ถือสา การแสดงอารมณ์ได้แบบไม่ต้องปิดบัง หลายคนก็มีอารมณ์ขันดี แม้การพบเจอกับคนบราซิลในครั้งแรก อาจเจอกับท่าทีไม่เป็นมิตรอยู่บ้าง หรือไม่ก็ท่าทีที่เป็นมิตรจนเกิดเหตุก็มี หลายคนมีอารมณ์ขึ้นๆลงๆ เดี๋ยวก็อารมณ์ดีแต่เดี๋ยวก็โมโหร้าย ในช่วงเวลา 1 ปีที่ผ่านมา ฉั้นได้เห็นอะไรมากมายจนเข้าใจเอาเองว่า ยิ่งสังคมทวีความเครียดและความรุนแรงมากขึ้นเท่าไร วัฒนธรรมการไม่เก็บกักอารมณ์ของพวกเค้าก็ยิ่งส่งผลให้ผู้คนระบายออกทางอารมณ์มากขึ้นเท่านั้น ไม่ว่าการแสดงความโมโห ความกลัว ความรัก ความชัง ความดีใจ หรือเสียใจ ผู้คนที่นี่ต่างแสดงออกอย่างไม่ปิดบัง บางครั้งอาจดูเข้าขั้นฟูมฟาย คลุ้มคลั่ง ไม่สมเหตุสมผล เช่น การใส่อารมณ์เชียร์ฟุตบอล ความใจร้อนไม่ยอมกันบนท้องถนน หรือแม้แต่การพูดจาแบบสาดอารมณ์ใส่กัน ซึ่งดูแปลกมากสำหรับฉั้นซึ่งมาจากวัฒนธรรมไทยที่ไม่ค่อยแสดงออกทางอารมณ์กันซักเท่าไร แต่สำหรับพวกเค้ามันเป็นเรื่องปกติจนฉั้นคิดไปเองว่า บางทีพวกเค้าอาจทำตามกันจนติดเป็นนิสัยโดยไม่รู้ตัวก็เป็นได้

มารยาทอย่างนึงของคนบราซิล คือ การพูดคุยเมื่อพบประเจอะเจอ แม้จะเป็นการเจอกันครั้งแรกก็ต้องหาเรื่องคุยไปเรื่อย เช่น เจอกันงานสังสรรค์ เจอกันตามที่ต่างๆ จะสังเกตุเห็นว่าคนบราซิลจะช่างพูดช่างคุย ช่างเจรจากันมาก บางทีก็คุยกันเหมือนว่าเคยรู้จักกันมาก่อน แม้แต่ฉั้นซึ่งหน้าตาไม่ได้เข้าพวกเล้ยย บางทีก็ยังมีคนหันมาชวนคุย ถามนู้นถามนี่บ้าง แต่พอรู้ว่าฉั้นคุยภาษาเค้าไม่ได้ก็จะเลิกคุยด้วยทันที สังเกตุหลายทีละ ที่นี่น้อยคนมากที่จะสื่อสารภาษาอังกฤษได้ ถึงพูดได้ก็ไม่ค่อยอยากจะพูดกัน หย่ิง เค้าไม่แคร์ภาษาอังกฤษกันเลยอ่ะ!! แต่ก็มีบางคนเหมือนกันที่ก็ยังจะชวนคุยต่อ ปล่อยให้ฉั้นเดาไป ถ้าเจอกันในลิฟท์ มารยาทอย่างหนึ่งก็คือการกล่าวสวัสดีทักทายและกล่าวบ๊ายบายเมื่อออกจากลิฟท์ จึงดูไม่ออกหรอกว่าใครเป็นคนชอบพูดชอบคุยจริงๆหรือคุยไปตามมารยาท แต่ก็ไม่ใช่จะคุยกับใครก็ได้เรื่อยเปื่อยนะ เพราะในที่ที่ไม่คุ้นเคยก็ต้องระวังตัวดีๆเหมือนกัน และที่สำคัญกว่านั้น บางคนออกแนวพูดไม่หยุดซะด้วย ไม่รู้สรรหาอะไรมาคุยนักหนา คุยทั้งเรื่องที่ควรคุยและทั้งเรื่องไม่ควรคุย เรียกว่า คุยไปเรื่อยเปื่อย หรือ คุยจนลิงหลับ ก็มีเยอะ!!!

พูดถึงการพบปะเจอะเจอกันในงานสังสรรค์ จะมีมารยาทอีกอย่างที่ต้องทำใจ คือ คนบราซิลจะมาสายเป็นแฟชั่น เรียกว่านัดที สายกันเป็นชั่วโมง ถือเป็นเรื่องปกติ โดยเฉพาะนัดทานมื้อเที่ยงในวันหยุด นัดเร็วก็ไม่ได้ ต้องนัดสายๆไว้ ประมาณบ่ายโมงครึ่งหรือบ่ายสอง แต่กว่าจะมากันพร้อมอาจจะสามโมงหรือสายกว่านั้นแล้วแต่สถานที่ที่นัดและก็แล้วแต่คนด้วย มีบ้างถ้าเป็นวันธรรมดาแล้วนัดเป็นมื้อเย็น คนบราซิลจะนิยมนัดค่ำๆเช่น ทุ่มครึ่งหรือสองทุ่ม แล้วกว่าจะมากันครบ กว่าจะนั่งเมาท์ กว่าจะเสริ์ฟของว่าง และกว่าจะเริ่มรัปทานเมนคอร์ส อาจปาเข้าไปเกือบ 3 ทุ่มได้ แล้วกว่าจะรัปทานเสร็จ แล้วกว่าจะเม้าท์ต่ออีก เสร็จก็สี่ทุ่มห้าทุ่มโน้น การนัดกับคนบราซิลในบราซิล สายแค่ไหนจึงไม่มีสิทธ์บ่นเพราะเค้านัดกันแบบนี้จนเป็นธรรมเนียม เป็นนิสัย เป็นแฟชั่น เป็นเรื่องปกติธรรมดา ถ้ากลัวหิวก็ต้องหาไรรองท้องไปก่อน ลามไปถึงนัดเรื่องอื่นๆด้วย เช่น นัดช่างซ่อม นัดส่งของรับของ ทุกอย่างเรียกว่า สายได้หมดจนต้องทำใจว่าพวกเค้าไม่เคารพเรื่องเวลาเอาซะเลย ไม่เหมือคนยุโรป เอ๊ะ...ว่าแต่นี่เรียกเสน่ห์ป่าวเนี่ย??

กีฬาและการออกกำลังกาย - ไม่พูดถึงกีฬาฟุตบอลคงไม่ได้สำหรับบราซิล ความสุขความสุขอีกอย่างนึงของคนบราซิล คือ การได้เชียร์บอลมันส์ๆในยามค่ำคืน โดยเฉพาะทีมที่ตัวเองรักลงแข่งใน League ใหญ่ๆสำคัญๆ ทั้งพลุ ประทัด ดอกไม้ไฟดังลั่นสนั่นเมือง บรรยากาศในสเตเดี่ยมยิ่งฮึกเหิม เสียงโห่ร้อง ตะโกน ร้องเพลงเชียร์ ใส่อารมณ์กันอย่างบ้าคลั่ง เวลาทำประตูได้แทบจะหัวใจวาย ล่าสุด Match ใหญ่ บราซิล-อาร์เจนติน่า(คู่อริ) ชนะไป 2-0 บราซิลเป็นแชมป์เปี้ยนในทวีปอเมริกาไปเรียบร้อย เสียงพลุและประทัดดังข้ามวันข้ามคืน (ไม่อยากคิดว่าถ้าแพ้ขึ้นมา???) ความสุขที่นี่หายากน่ะ การได้ใส่อารมณ์กับกีฬาฟุตบอลจึงเป็นที่โปรดปรานของทุกคน ทุกเพศทุกวัย ลูกเล็กเด็กแดง คนแก่ คนท้อง .... เข้าไปเชียร์ในสนาม ทีมที่ตัวเองรักชนะที ร้องไห้ร้องห่ม ใครไม่มีอารมณ์ร่วมถือว่าแปลก ใครจะตะโกนโวกเวกลั่นถนนก็ไม่มีใครว่า ดูน่ากลัว แต่ก็ดูบ้าๆบอๆดี แปลกดีอ่ะ!! อีกอย่างหนึ่งที่ผู้คนที่นี่ดูจะใส่ใจเป็นพิเศษก็คือ การออกกำลังกาย เพราะพวกเค้าคลั่งใคล้การมีเรือนร่างที่ดีและการรักการแข่งขันเป็นชีวิตจิตใจ การออกกำลังกายเป็นประจำจึงเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตคนบราซิลไปเลย คนแก่ไม่ยอมแก่ คนหนุ่มคนสาวก็สวยหล่อตลอด ที่นี่ Fitness และ Personal Trainer เป็นหนึ่งในหลายๆสิ่งที่เป็นที่นิยม การปิดถนนเพื่อปั่นจักรยานกันในวันอาทิตย์ การวิ่งมาราธอนประเพณีในช่วงปีใหม่ การเล่นฟุตบอลจนเป็นกีฬาประจำชาติ และการเก่งด้านกีฬาหลายๆอย่างจนนำมาซึ่งชื่อเสียงของประเทศ การเต้นโชว์สรีระ เรือนร่าง เซ็กซี่สไตล์แซมบ้า และศิลปะการต่อสู้สไตล์บราซิลอย่าง Capoeira ก็น่าสนใจ ทั้งหมดก็มีสาเหตุมาจากความรักที่อยากจะมีเรือนร่างที่ดีและชื่นชอบการประชันขันแข่ง หลายคนเชื่อว่าการมีเรือนร่างที่ดีเป็นเสน่ห์ดึงดูดเพศตรงข้าม หนุ่มหล่อๆที่นี่มักหว่านเสน่ห์ด้วยการอวดกล้ามเป็นมัดๆด้วยการเดินเหินด้วยกางเกงว่ายน้ำตัวเดียวตามชายหาด สาวๆก็นิยมการใส่บิกินี่ตัวเล็กจิ๋ว เพื่อโชว์เรือนร่าง หน้าอกหน้าใจ แก้มก้นที่สมส่วนงอนงาม และต้นขาใหญ่ๆแต่ฟิตเปรี้ยะ เชพบ๊ะ!! ถือเป็นความภูมิใจของพวกเค้า โดยเฉพาะถ้าใครได้เจอหนุ่มบราซิลที่รักสุขภาพ เรือนร่าง และยังโรแมนติกอีกด้วยละก็ อาจถึงขั้น 'โงหัวไม่ขึ้น' กันเลยทีเดียว ฮ่าๆๆ!! ผู้ชายบราซิลนี่เสน่ห์แรงไม่เบานะจะบอกให้ ก็ไม่ใช่แค่เรือนร่าง หน้าตาเท่านั้น ยังจะดวงตาคมเข้มและแววตาที่ส่อความเจ้าชู้ ขี้เล่นนั่นอีกล่ะ!! สาวๆบราซิลส่วนใหญ่จึงพยายามกันสุดฤทธิ์สุดเดชเพื่อทำให้ตัวเอง สวย เซ็กซี่ ดูดี ไม่แพ้ใคร ความเชื่อหนึ่งที่ว่าความเซ็กซี่เป็นความงามที่แท้จริงทำให้หลายต่อหลายคนพยายามเซ็กซี่กันแบบไม่หยุดยั้ง ไม่ว่าต้องออกกำลังกายหนักแค่ไหน หรือต้องศัลยกรรมกระหน่ำขนาดไหน หรือแม้ต้องโชว์เรือนร่างเนื้อหนังมังสา ก็ขอให้บอกมาเถอะพวกเธอจะลงทุนแบบไม่ยั้งเลยทีเดียว แต่เห็นแบบนี้แล้วบราซิลเลี่ยนก็ให้ความสำคัญกับการคบหาดูใจเหมือนกันนะ ถึงแม้้ One Nigth Stand จะถือเป็นเรื่องธรรมดา แต่ถ้าพวกเค้าชอบกันจริงๆก็จะใช้เวลาคบหาดูใจกันก่อนแต่งนานมากด้วย จนกว่าจะแน่ใจว่าพบคนที่ใช่นั่นแหละ

ความรักสวยรักงาม - นอกจากเรื่องออกกำลังกายให้เรือนร่างดูดีแล้ว ก็หนีไม่พ้นความรักสวยรักงามของบรรดาสาวๆ ตอนมาอยู่ที่นี่ใหม่ฉั้นก็ค่อนข้างต่อต้านและต่อสู้กับตัวเองอยู่ไม่น้อย เพราะไม่เข้าใจว่าทำไมคุณแม่(สามี)ชอบคะยั้นคะยอและชวนให้ไปร้านเสริมสวยเป็นประจำ ทำผม ทำเล็บทุกสัปดาห์  เสื้อผ้าเครื่องประดับ กระเป๋า รองเท้า ก็ต้องเนี๊ยบกริบ พิถีพิถันและลงทุน ใส่ใจให้มันดูดี อยู่ไปอยู่มาจึงเริ่มรู้ว่าคนที่เซาเปาโลส่วนใหญ่ก็เหมือนคนเมือง ที่มองและตัดสินจากรูปลักษณ์ภายนอกเป็นอันดับแรก แถมสาวๆที่นี่ก็เริ่มแต่งตัวมาตั้งแต่ยังเป็นเด็กนักเรียน เพราะที่นี่เค้าไม่มียูนิฟอร์มอย่างบ้านเรา และไม่มีอาจงอาจารย์มาคอยตรวจตราว่าเล็บยาวมั้ย ผมเพ้ามัดเรียบร้อยรึป่าว ใช้โบว์ต้องเป็นสีเดียวกัน กระโปรงห้ามสั้นห้ามยาวเกินไป ฯลฯ เด็กผู้หญิงที่นี่เลยเริ่มเสริมสวยกันแต่เนิ่นๆโดยมีคุณแม่นี่แหละคอยตรวจตราดูแล โดยเฉพาะถ้าคุณแม่ก็เป็นประเภทรักสวยรักงามเอามากๆก็ยิ่งอยากให้ลูกเสริมสวยตั้งแต่หัวจรดเท้า การแต่งหน้า เข้าร้านทำผมทำเล็บจึงถือเป็นเรื่องจำเป็น มาอยู่ใหม่ๆฉั้นไม่ค่อยชินเพราะคนไทยอย่างเราก็ค่อนข้างสบายๆถ้าไม่ได้ไปไหนไกลจะแต่งตัวยังไงก็ได้ไม่มีใครว่า แค่อย่าโป๊ก็เป็นพอ ฉั้นไม่ค่อยถนัดใส่อะไรรุงรัง ชอบความเรียบง่าย สะอาดสะอ้าน แต่คนที่นี่ใส่ใจตัวเองมากตั้งแต่หัวจรดเท้า ไม่มีใครบอกว่าเราเว่อหรอกถ้าเราแต่งตัวเยอะๆ เพราะก็เห็นเยอะไว้ก่อนกันทุกคน ทองหยอง นาฬิกาเรือนใหญ่ๆ สร้อย กำไร เห็นแต่ละคนประโคมกันสุดฤทธิ์ ฉั้นเคยโดนทักว่าดูเหมือนเด็ก บางคนก็มองเราหัวจรดเท้า อยู่ไปอยู่มาตอนนี้ฉั้นก็เลยติดนิสัยกับการดูแลตัวเองให้มากขึ้นไปด้วย บวกกับความเป็นผู้หญิงที่มีความรักสวยรักงามอยู่บ้างแล้ว และพอทำให้ตัวเองดูดี เราก็รู้สึกดีกับตัวเอง แถมไม่เสียความมั่นใจเวลาต้องพบปะกับสาวๆบราซิลที่ชอบสนทนาเรื่องความสวยความงามเป็นหลัก เช่น ทำเล็บที่ไหน ทำผมที่ไหน เครื่องประดับสวยจัง กระเป๋าสวยจัง อย่างนี้เป็นต้น แถมพวกร้านทำผมดีๆเค้าก็ฝีมือดีนะ (แม้สนนราคาจะแพงอยู่ซักหน่อย แค่เล็มๆไดร์ๆยังปาเข้าไปเกือบจะ 1,500THB เข้าไปแล้ว) ร้านทำเล็บก็มีให้เลือกมากมายเต็มไปหมด ดูๆแล้วรู้สึกว่าเพื่อความงามของสาวๆร้านเสริมความงามเลยจะมีมากกว่าร้านของกินซะอีกนะ!!

อากาศ - หลายคนคงคิดว่า ที่บราซิลซึ่งมีสภาพทางภูมิศาสตรเป็น ป่า เขา ทะเล และชายหาดอันสวยงามมากมาย คงจะมีแดดจัดทั้งปี แต่จริงๆแล้ว อากาศที่นี่จะค่อนข้างหนาวเย็นนะ โดยที่อุณภูมิจะสูงหน่อยทางตอนเหนือของประเทศไล่ต่ำลงไปทางตอนใต้ของบราซิล ส่วนฉั้นอยู่ที่เซาเปาโล เรียกว่าเป็นภาคกลางของประเทศ อากาศก็จะร้อนแค่ช่วงหน้าร้อนคือปลายปีถึงต้นปีเท่านั้นเอง นอกนั้นก็เย็นสบาย ไม่หนาวจัดและไม่ร้อนจัด และไม่มีแดดจัด แม้จะมีมลพิษทางอากาศอยู่บ้างเนื่องจากรถติดและควันพิษ แถมฝนก็ตกแบบไม่มีปี่มีขลุ่ยอยู่เสมอ แต่วันไหนถ้าอากาศดีๆการเดินไปไหนมาไหน หรือการไปเดินเล่นสูดอากาศยามเช้าหรือยามเย็นก็สบาย สดชื่นดี ถ้าให้เทียบกับเมืองไทยที่ร้อนจนตับแทบแลบ เหงื่อไหลใคลย้อย หรือที่นิวซีแลนด์ที่หนาวเหน็บจนเดินตัวสั่น อากาศที่นี่ก็ถือเป็นสิ่งหนึ่งที่เป็นข้อดีของบราซิล แต่ก็อีกแหละ....ข้อเสียก็คือ อากาศที่นี่เปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา วันนี้แดดออก พรุ่งนี้อาจฝนตก วันต่อมาอาจหนาวเหน็บหรือหมอกลงจัด แล้วไม่แน่วันต่อมาอีกก็อาจจะร้อนอีก หรืออาจจะหนาวไปอีก 3-4 วัน แล้วก็ร้อนใหม่ เรียกว่า สามารถเปลี่ยนได้ 3 ฤดูภายในหนึ่งสัปดาห์ให้อารมณ์เสียเล่นๆ เพราะฉะนั้นสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับการใช้ชีวีตอยู่ที่นี่คือ รักษาสุขภาพให้แข็งแรง เพื่อต่อสู้กับอากาศที่เปลี่ยนไปเปลี่ยนมา แถมบางที่อากาศชื้นๆเย็นๆก็อาจมี "การัว" ซึ่งก็คือสายฝนปรอยๆบางๆหล่นลงมาเป็นฝอยๆให้หัวเปียกเล่นๆอีกด้วย

ความสะอาด - แม้เซาเปาโลจะไม่ใช่เมืองที่สวยงามหรือสะอาดเอี่ยมอะไร แต่ชอบตรงที่ ไม่ค่อยมีโอกาสได้เห็น มด หนู แมลงสาบ จิ้งจก กบ เขียด หรือสัตว์อะไรที่บ่งบอกถึงความสกปรกเลยอ่ะ  ไม่ว่าตามที่พักอาศัย หรือ ตามถนนหนทาง ก็ไม่มีให้เห็น อาจเพราะที่นี่ไม่มีร้านอาหารริมทางเยอะแยะอย่างบ้านเราน่ะ เลยอดเปรียบเทียบไม่ได้กับกรุงเทพฯ ที่แม้แต่ถนนในย่านดีๆอย่างราชดำริ สาทร สุขุมวิท หรือ ย่านช้อปปิ้ง อย่างสีลม หรือสยามฯ กลับยิ่งสกปรก น่าเสียดายมาก ที่สำคัญที่นี่ไม่ค่อยมีหมาจรจัดให้เห็น คนที่นี่รักหมามาก เลี้ยงหมาในคอนโดก็ได้ ส่วนใหญ่เป็นหมาฝรั่งพันธ์ุน่ารักๆ ตัวใหญ่บ้างเล็กบ้างแล้วแต่รสนิยม เจ้าของจะเลี้ยงดูอย่างดี เช้าๆเย็นๆก็พาไปเดินเล่น ให้อึให้ฉี่ เจ้าของจะต้องพกถุงพลาสติกไปสำหรับเก็บอึสุนัขของตัวเองทิ้งถังขยะด้วย บางคนก็จ้างคนพาเดินก็มี ถนนหนทางที่นี่จึงไม่มีขี้หมาให้ต้องเดินระวังซ้ายขวาหน้าหลังให้เหนื่อย เห็นแต่หมาพันธ์ุดีๆเดินเล่นไปมา บางคนก็พาไปเดินเล่นห้าง บ้างก็พาไปอาบน้ำตัดขนอย่างดี น่ารักดี

ความร่มรื่น -  เซาเปาโล มีต้นไม้เยอะมาก ถึงแม้ต้นไม้ใหญ่ๆในหลายๆแห่งจะแก่และแห้งตายจนทำให้หักล้มลงมาทับบ้านช่อง รถรา หรือถนนหนทางอยู่บ่อยๆเวลาฝนตกหนักๆแล้วมีพายุพัดแรงๆ แต่อีกหลายๆแห่งที่มีต้นไม้ครึ้ม ปกคลุมทั่วบริเวณ และมีคนดูแลดีๆ หลังฝนตกจะเขียวชอุ่มชุ่มชื้น ร่มรื่น อากาศก็เลยไม่ร้อนจัดจนเกินไป ถ้ากรุงเทพฯมีต้นไม้เยอะกว่านี้อากาศคงไม่ร้อนขนาดนี้นะ แถมบางถนนแทนที่จะปลูกต้นไม้ใหญ่กลับไปปลูกต้นปาล์มสไตล์รีสอร์ท มันก็สวยอยู่หรอก แต่มันไม่ร่มรื่นและไม่ให้ความชุ่มชื้นเท่ากับต้นไม้ใหญ่บางชนิด สวนสาธารณะหลายแห่ง ก็มีไว้ให้เดินเล่น นั่งเล่น และออกกำลังกาย แต่เพราะที่นี่แทบจะไม่มีการสร้างถนนหนทางเพิ่มเติม เลยไม่ต้องรื้อต้นไม้ทิ้ง อยู่ยังไงก็เลยอยู่อย่างงั้นมาหลายสิบปีละ

ธรรมเนียมการมอบของขวัญ คนที่นี่เท่าที่ฉั้นรู้จัก ชอบให้ของขวัญกันเป็นชีวิตจิตใจ ได้ยินว่าได้รับอิทธิพลจากคนญี่ปุ่นที่มาอยู่ที่นี่ ก็ท่าจะจริงเพราะญี่ปุ่นมีร้านกิฟท์ช็อปเยอะแยะมากมาย ธรรมเนียมการให้ของขวัญ ในวันเกิด วันพ่อ วันแม่ วันปีใหม่ วันคริสต์มาส ฯลฯ ไม่ว่าวันพิเศษไหนๆการมอบของขวัญให้แก่กันถือเป็นธรรมเนียมหรือมารยาทเลยก็ว่าได้ แรกๆฉั้นรู้สึกเหนื่อยมากกับการต้องไปเดินหาซื้อของขวัญให้กับสมาชิกในครอบครัวสามี เพราะต้องไล่ตั้งแต่พ่อ แม่ พี่น้อง หลานๆ รวมไปถึง เขยและสะใภ้อีก แต่หลังๆก็เริ่มชิน ตามร้านต่างๆเวลาเราเข้าไปซื้อ พนง.ก็จะถามด้วยว่าซื้อเป็นของขวัญรึป่าว ถ้าใช่...เค้าก็ใส่กล่องหรือถุงดีๆหน่อย แล้วก็จะเปลี่ยนจากป้ายราคาเป็นโค๊ดอะไรซักอย่างสำหรับให้ผู้รับเอาไว้เปลี่ยนได้ โดยเฉพาะวันคริสมาสต์ร้านรวงจะแน่นเอี๊ยด เพราะเป็นวันที่สำคัญที่สุดประจำปี คู่สามีภรรยาก็ต้องทำงานหนักหน่อยเพราะต้องไปเดินหาซื้อของขวัญมาให้สมาชิกในครอบครัวของทั้งตัวเองและของภรรยาหรือสามี แต่มันก็รู้สึกดีเหมือนกันนะ อย่างฉั้นตั้งท้อง หลายคนก็ส่งของขวัญมาแสดงความยินดีตั้งแต่รู้ข่าวแน่ะ อาจเพราะคนที่นี่เค้าไม่ได้มีความสัมพันธ์สนิทชิดเชื้อฉันพี่น้องอย่างคนไทยมั้ง? การมอบของขวัญเลยเหมือนเป็นตัวช่วยในการแสดงน้ำใจอย่างหนึ่ง

ละครบราซิล ที่นี่มีละครฉายหลายเรื่องหลายเวลาเหมือนบ้านเราไม่มีผิด แต่แตกต่างตรงที่ละครหลังข่าวบ้านเค้า ถ้าเรื่องที่สร้างดีๆ Production ดีๆ ฉายทีฉายได้ 5-6 เดือน มีเรื่องเดียวช่องเดียว(ช่อง Globo) ไม่แข่งใคร ไม่มีโฆษณาคั่นเยอะแยะให้หงุดหงิดรำคาญใจ ยิ่งถ้าเรื่องไหนทำเงิน เนื้อหาก็จะถูกยืดเยื้อออกไปอย่างตั้งใจ เพราะรู้ว่ามีคนทั้งประเทศติดตาม แต่ก็มีเหมือนกันที่บางเรื่องสร้างมาเหมือนเพื่อมาคั่นเวลา เนื้อหาไม่ค่อยดี Production ก็งั้นๆ ไม่เป็นที่นิยมก็จะจบเร็วหน่อย ล่าสุดเรื่อง Avenida Brasil เป็นละครเรื่องที่สองที่ฉั้นมีโอกาสดูและตามติดตั้งแต่ต้น อรรถรสในการดูละครบราซิลที่ต้องทำใจคงไม่พ้นเรื่องเนื้อหาที่ค่อนข้างหนัก แถมติดเรท และความรุนแรง แต่สำหรับเรื่องนี้ Production ล้ำมากคล้ายกับดูภาพยนต์ยังไงยังงั้น นางเอกกะนางร้ายแทบจะแยกกันไม่ออกเพราะแสบพอๆกัน เรื่องราวและเนื้อหาเข้มข้น บทบาทแต่ละคนก็เล่นกันถึงพริกถึงขิง คนดูติดทั้งบ้านทั้งเมือง ดูกันซึมลึกกลายเป็นกิจวัตรประจำวันของทุกคนไปเลยเพราะต้องคอยติดตามเรื่องราวชีวิตของตัวละครอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะนางร้ายที่เล่นได้สมบทบาทจนคนเกลียดทั้งประเทศ ไม่ต่างจากเมืองไทยที่นางร้ายไปตลาดแล้วแทบจะโดนแม่ค้าเอาทุเรียนคว้างใส่ ทุกคนต่างรอดูว่านางเอกจะแก้แค้นยังไง สนุกถึงใจ แม้จะฟังไม่ออกแต่ก็ยังติดงอมแงม ดูแล้วรู้สึกว่าเค้าลงทุนและจริงจังกับการสร้างละครจริงๆเลย แต่เนื้อหาก็ค่อนข้างหนักและเครียดเอาการอยู่เหมือนกัน เรียกว่าไม่่เหมาะที่จะฉายในบ้านเราอย่างยิ่ง มันหนักเกิน คงโดนแบนด์ซะก่อนที่จะถึงมือเจ๊เบียบแน่!

การให้ความสำคัญกับเด็กและคนชรา ที่นี่จะมีที่จอดรถสำหรับคนแก่โดยเฉพาะ มีบำเหน็จบำนาญหลังเกษียร ไม่รู้ได้ยังไงเท่าไร แต่คนแก่จะสามารถดูแลตัวเองได้แบบไม่ต้องพึ่งลูกหลาน หลายคนชอบอยู่คนเดียวมากกว่าก็จ้างคนมาดูแลเลย อยู่เป็นเพื่อนกันไปสบายใจ คนบางคนอยู่ด้วยกันเป็นสิบๆปีคนตายจากกันไปก็มี ดูแลเหมือนเป็นญาติกันเลยอ่ะ ไปไหนก็ไปด้วยกัน หรือพ่อแม่บางคนก็อยู่กันจนแก่จนเฒ่ากันสองคน ลูกหลานก็มีครอบครัวกันไป หรือบางคนแก่แล้วก็ยังห่วงลูก ตามดูแลลูกอยู่ไม่เลิกไม่ราก็มี ไม่ดีอย่างตรงที่แม่ๆบางคนห่วงมากไปจนอาจเกิดเป็นกรณีลูกสะใภ้หรือลูกเขยเกิดความรำคาญได้ก็เยอะอยู่ ส่วนเด็กนี่ไม่ต้องห่วงเลย ไปห้างก็มีห้องให้นมเปลี่ยนผ้าอ้อม มีช่องให้คนท้อง หรือบรรดาแม่ๆให้จ่ายเงินก่อน มีลิฟท์หรือทางลาดตามห้างให้เดินเข็นรถเข็นสบายๆ ไปไหนใครๆก็จะหลบทางให้ มีร้านเสื้อผ้า ร้านขายของเด็ก ของตกแต่งห้อง ของเล่นเด็ก ดีๆสวยๆให้เลือกเยอะแยะ ที่สำคัญมีพี่เลี้ยงเด็กมากมายให้เลือกจ้าง คนที่นี่เลยจ้างแต่คนเลี้ยงเด็ก ไม่ดีก็เปลี่ยนใหม่ หาใหม่ ไม่เลี้ยงเองให้เหนื่อย โดยเฉพาะบรรดาคุณแม่ยังสาว จ้างคนเลี้ยงเพื่อให้ตัวเองมีเวลาไปช้อปปิ้ง ไปเสริมสวย ไปสังสรรค์ อย่างมีความสุข ถ้ายังสุขไม่พอ หลายต่อหลายคนก็จ้างคนขับรถรับส่งลูกไปกลับโรงเรียน จ้างคนทำอาหาร ทำความสะอาดบ้านไปด้วยเลย มีเงินก็ใช้เงินไปเพลินๆ แต่ไม่ค่อยเห็นคนเอาไปฝากให้ย่าให้ยายเลี้ยงซักเท่าไรนะ เพียงแค่พาไปเยี่ยม หรือเอาไปฝากไว้ชั่งครั้งชั่วคราวเท่านั้น ตรงนี้ไม่เหมือนคนไทยเน๊อะ!!

ยังมีอีกหลายอย่างที่ผู้คนหลายต่อหลายคนให้ความสนใจและอยากจะมาเยือนบราซิลตามคำเล่าลือที่พูดถึง งานรื่นเริงระดับโลกอย่างคาร์นิวัล รวมไปถึงชายหาดอันแสนเซ็กซี่ในริโอ ดิ จาเนยโร สำหรับฉั้นทั้งสองอย่างนี้ไม่ใช่สิ่งที่ฉั้นประทับใจซักเท่าไร เพราะยังไม่เคยไปร่วมงานคาร์นิวัลเลยซักครั้ง หลายคนบอกว่าอย่างน้อยครั้งหนึ่งในชีวิต แต่ขอสารภาพว่าก็ค่อนข้างกลัวกับบรรยากาศอยู่เหมือนกัน ไม่ชอบอยู่ในที่ที่คนเยอะๆอ่ะมันรู้สึกไม่ปลอดภัย การเต้นรำที่ออกแนวยั่วยวน เซ็กซี่ โชว์เรือนร่าง ส่วนเว้าส่วนโค้งสไตล์นี้ก็ไม่ค่อยสันทัด อายแทนคนเต้นอ่ะ! ฉั้นมันพวกหัวโบราณ!! ก็เป็นคนไทยนี่ ร่างกาย จิตใจเป็นไทยแท้ เกิดและเติบโตในสังคมแบบไทยๆ -_-' ส่วนริโอฯนี่เคยไปนะ ครั้งนึง ยืนยันว่าทะเลสวยมาก วิวและบรรยากาศดีมาก แต่ริโอฯ ไม่ใช่เมืองที่สะอาดสะอ้านเป็นระเบียบเรียบร้อย ผู้คนขับรถเร็ว แท็กซี่ก็ขับรถไม่สุภาพ ปล้น จี้ วิ่งราวก็มีเยอะ มีแหล่งสลัมขนาดใหญ่ ที่วันดีคืนดีกลุ่มตำรวจก็เข้าปราบปรามกลุ่มนักค้ายาเสพติดให้ได้ตื่นเต้นกันทั้งประเทศ ฉั้นไม่ใคร่อยากเที่ยวในที่ที่ฉั้นรู้สึกไม่ปลอดภัยเต็มร้อยซักเท่าไร แต่ไปที่ชายหาด Buzios ทะเลสวยนะ สะอาด เงียบสงบ แลดูปลอดภัย อยู่ที่ริโอฯนี่แหละ แต่ขับรถห่างจากชายหาดแหล่งท่องเที่ยวหลักไปประมาณ 2 กิโลกว่าได้ ก็สวยใช้ได้อยู่ เงียบ สงบแบบนั้นคงเหมาะสำหรับฉั้นมากกว่า!

ฉั้นพยายามรวบรวมสิ่งที่ประทับใจที่เกิดขึ้นที่นี่ พยายามเรียกมันว่า เสน่ห์ของบราซิล แหม่...คิดออกแค่นี้จริงๆ ไว้จะลองคิดเพิ่มแล้วค่อยมาอัพเดทอีกทีแล้วกัน ... 






Related Posts Plugin for WordPress, Blogger...