Pages

วันเสาร์, มกราคม 08, 2554

ผ่านแล้ว Probation 3 เดือนในบราซิล

บางทีฉั้นนั่งถามตัวเอง เกี่ยวกับหลายๆอย่างที่เกิดขึ้นในชีวิตว่า มันให้อะไรมากไปกว่า ความเหนื่อย ความเครียด และความเหงา ....แน่นอน เมื่อมีด้านร้ายก็ต้องมีด้านดี ชีวิตมันก็เป็นเช่นนี้เสมอ...

นับจากวันแรกที่เดินทางข้ามน้ำข้ามทะเลมายัง บราซิล วันนี้อาจจะเป็นวันแรกที่ฉั้นได้หายใจอย่างเต็มปอดแล้วบอกกับตัวเองว่า เอาล่ะ ชีวิตจริงบทใหม่เริ่มขึ้นแล้ว ...3 เดือนกับอีก 6 วันของการมาใช้ชีวิตอยู่เหมือนผ่านช่วงทดลองงาน(Probation Period)ยังไงยังงั้น เพราะช่างเต็มไปด้วยเรื่องราวมากมายมาให้ทดสอบว่าจะผ่านเข้าสู่การเป็นพนักงานประจำได้หรือไม่ ทุกครั้งที่มีการเปลี่ยนแปลงอะไรใหญ่ๆในชีวิต สำหรับฉั้นใช้เวลาอย่างน้อย 3 เดือนในการปรับตัวเสมอ


จากการมาถึงแบบยังไม่มีที่อยู่เป็นของตัวเอง การตระเวนหาคอนโด การปรับตัวให้ชินกับภาษาและวัฒนธรรม การปรับตัวเมื่อกลายเป็นสมาชิกใหม่ของครอบครัวใหม่แบบเต็มตัว จนกระทั่งการย้ายเข้าสู่บ้านใหม่และเริ่มปรับตัวเพื่อที่จะอยู่คนเดียวให้ได้ สิ่งแรกที่ฉั้นลองนั่งทบทวน ณ จุดนี้ คือ สิ่งที่ต้องขอทำใจอย่างหนัก อย่างแรก คือ การนั่งนับจำนวนครั้งของการโดน "ผิดนัด" เชื่อมั้ยว่า ไม่ว่าจะนัดส่งเฟอร์นิเจอร์ นัดติดตั้งโทรศัพท์ นัดซ่อมโทรศัพท์ นัดกินข้าว นัดเซ็นเอกสาร นัดขึ้นเครื่องบิน ฯลฯ ทุกนัดต่างมีการผิดนัด เลื่อนนัด ยกเลิกนัด ให้ได้ปวดหัวและเป็นแม่สายบัวแต่งตัวรอเก้ออยู่เสมอๆ จนแทบจะนับครั้งไม่ถ้วน ช่วงที่มาใหม่ๆ ฉั้นเคยอ่านหนังสือ "Guide to the City" ซึ่งรวบรวมข้อมูลและเนื้อหาโดย International Newcomers' Club of Sao Paulo ตีพิมพ์เป็นครั้งที่ 9 มีเนื้อหาตอนนึงว่า "Brazillian in general seem to have a different sense of time than some expats. What some expats might consider a late arrival, some Brazillians may regards as nothing more than "fashianably late"." หลังจากอ่านแล้วยังนึกขำ คิดว่าเป็นเรื่องธรรมดา เพราะคนไทยก็เป็นบ้าง ฉั้นเองก็เป็นบ่อย(ในอดีต) แต่พอเจอเข้าจริง มันขำไม่ออก เพราะส่วนใหญ่มันไม่ใช่นัดกับเพื่อนหรือนัดเล่นๆขำๆ เช่น ฉั้นนั่งรอเฟอร์นิเจอร์มาส่ง แต่ละเจ้าที่นัด ไม่ระบุเวลาที่แน่นอน แจ้งแค่ว่า ช่วงเช้า หรือไม่ก็ช่วงบ่าย ... แต่ไม่วาช่วงไหน ก็ไม่สามารถรู้ได้ว่าจะมาเมื่อไร ความหมายของช่วงเช้าหรือบ่าย ก็คือ เมื่อไหร่ก็เมื่อนั้นแหละ แต่ที่แย่กว่านั้นก็คือ บางทีนั่งรอแล้วไม่มา บางครั้งก็โทรมาบอกเอาวินาทีสุดท้ายว่ามาไม่ได้ ขอเลื่อนเป็นวันอื่น ... มันช่างน่าโมโห ไม่เว้นแม่แต่สายการบินในประเทศที่นึกจะยกเลิกก็ยกเลิก นึกจะดีเลย์ก็ดีเลย์ เกือบทุกนัดที่ผ่านมา หากนัดไหนตรงเวลาถือเป็นเรื่องน่าประหลาดใจ!!!

ทำให้กว่าคอนโดที่เช่าอยู่จะตกแต่งเสร็จด้วยเฟอร์นิเจอร์ที่ค่อยๆทยอยมาส่งที่ละชิ้น สองชิ้น ที่ละบริษทสองบริษัท เลื่อนนัดแล้วเลื่อนนัดอีก ติดวันหยุดบ้าง อะไรบ้าง กว่าหนึ่งเดือนเต็มๆที่รอแล้วรอเล่า จนตกแต่งเสร็จในที่สุด เหมือนประกอบภาพจิ๊กซอ


Sofa & Table - 'Breton'

Bed - 'Sleep House'

Bed Side Table - 'Lider'

Cabinet - 'Lider'

TV Support - 'Artefacto' (ร้านนี้ร้านเดียวที่ส่งตรงเวลา ต้องให้เครดิตหน่อย)

Dining Set - 'Artefacto', Carpet - 'Lider'

Mirror - 'Lider'


ไม่ใช่แค่เฟอร์นิเจอร์ที่เราเฝ้ารอ ข้าวของเครื่องใช้ที่เราขนส่งข้ามน้ำข้ามทะเลมา ก็ใช้เวลากว่าสองเดือนในการเดินทาง เมื่อมาถึงแล้วก็ไม่ใช่ว่าจะรอรับอย่างง่ายดาย ด่านศุลกากรที่นี่ยังกักเอาไว้ตรวจสอบอีกกว่าเดือน บริษัทที่เราจ้างขนส่งบอกเราว่า เป็นเรื่องปกติ ด่านศุลกากรที่นี่เป็นหนึ่งในที่ที่แย่ที่สุดในโลก.....ซะงั้น มันช่วยเรามั้ยเนี่ย? แต่ความลำบากในการไม่มีข้าวของเครื่องใช้ทำให้เราสู้สุดใจขาดดิ้น แฟบร้องเรียนไปที่บริษัทขนส่งที่ว่า ที่เป็นสาขาที่นิวซีแลนด์เพื่อขอความช่วยเหลือ ด้วยเหตุผลว่าบริษัทสาขาที่นี่ไม่ช่วยเหลือและมันนานเกินไปที่จะกักข้าวของเครื่องใช้ที่เป็นของของเรา และตรวจสอบแล้วว่าไม่มีอะไรที่ผิดกฎหมาย หลังจากเราดิ้นรนจนถึงที่สุด ในที่สุดข้าวของเครื่องใช้ของเราก็ถูกปล่อยออกมาก่อนกำหนดประมาณ 2 อาทิตย์ด้วยสภาพปกติ(ค่อยยังชั่ว) ถือว่าโชคดีมาก เพราะบางคนที่เรารู้จัก ข้าวของเครื่องใช้ของเขาโดนกักไว้จน(แกล้ง)ลืม วันแล้ววันเล่า เดือนแล้วเดือนเล่า .... ส่วนเรา และแล้วมันก็มาถึงพร้อมของแต่งบ้าน ฟิ้วววว ^^!!
















แต่เรื่องที่น่าปวดหัวยังไม่หมดแค่นั้นและคงไม่พ้นเรื่องภาษา ที่ไม่พูดถึงคงไม่ได้ ถึงแม้จะทำใจมาก่อน แต่มันก็สร้างความอ่อนใจให้ไม่น้อย ที่คนที่นี่ไม่ใช้ภาษาอังกฤษในการสื่อสารเลย และที่คิดไม่ถึงก็คือ นอกจากไม่ใช้คำภาษาอังกฤษแล้ว คำอังกฤษบางคำ ยังอุตส่าห์แปลงให้อ่านและออกเสียงเป็นภาษาโปรตุเกสซะนี้ ยกตัวอย่าง Rexona-เรโซน่า ก็อ่านเป็น เฮกโซน่า, Avon-เอว่อน ก็อ่านเป็น อาว่อง, Ferrari-เฟอร์ร่ารี่ ก็อ่านเป็น เฟอร์ฮารี่, Vicks Vaporup-วิก วาโปรัป ก็อ่านเป็น วิก วาปูรูปี้ เฮ้ออออ.. คำทุกคำ ของทุกสิ่ง ล้วนทุกปรับเปลี่ยนให้มีชื่อเป็นภาษาโปรตุเกสและที่สำคัญ ไม่มีคำแปลใดๆที่เป็นภาษาอังกฤษ ทั้งของกิน ของใช้ ถนนหนทาง ฯลฯ เอาเป็นว่าทุกอย่างก็แล้วกัน แหม่..ช่างรักชาติกันซะจริง เล่นเอาคนไม่รู้ภาษาโปรตุเกสอย่างฉั้น ถึึงขั้นซึมไปเลยทีเดียว เพราะการสื่อสารที่ไม่มีคำใบ้แบบนี้ มีทางออกทางเดียวก็คือ อดทน มั่วเอา เนียนไป แล้วก็ไปเรียนซะ!!

ถึงแม้จะอยู่รอดมาได้กว่า 3 เดือน เพราะเวลาส่วนใหญ่ก็คืออยู่บ้าน เล่นเน็ท ดูทีวี เรียนภาษาที่บ้าน อาหารก็ทำกินเอง ใครจะไปใครจะมา ก็แค่สื่อสารแบบงูๆปลาๆไป เข้าใจบ้างไม่เข้าใจบ้าง อันไหนยากเกินก็หาตัวช่วยซึ่งก็ไม่พ้น "แฟบ" คนดีที่หนึ่ง! ^^ ตกเย็นก็เดินไปร้านเบอร์เกอรี่ซื้อขนมปัง 3 ก้อน ซึ่งก็ท่องจำจนขึ้นใจ เพียงแค่ไม่กี่คำ คือ "Três pães(เตรส เปยส์) แปลว่า ขนมปัง 3 ก้อน(ขนมปังนี่มันเรียกเป็นก้อนป่าวหว่า?) หากสั่งแล้วมีการถามต่อ เช่น "(ซ้อ)? แปลว่า Only?"  ก็ให้ตอบว่า "Sim(ซิง) แปลว่า Yes" หากคำถามคือ "Mais(ม้ายส์) แปลว่า More?" ก็ให้ตอบว่า "Não(เนา) แปลว่า No" แล้วก็ไปจ่ายตังค์..กลับบ้าน เป็นอันเสร็จสิ้นภาระกิจ หากผิดเพี้ยนไปจากนี้ ก็ให้มั่วเอา เนียนไป ตามเคย ที่ตลกก็คือ ครั้งแรกที่ฉั้นเค้าไปสั่ง ลืมถามอาจารย์แฟบไปก่อนว่าถ้าสั่งขนมปัง 3 ก้อน ต้องพูดยังไง ไปถึงก็สั่ง " Três pão(เตรส เปา)" ซึ่งผิด! เนื่องจากภาษาโปรตุเกส คำนามต้องเปลี่ยนตามจำนวนเอกพจน์และพหูพจน์ด้วยนั่นเอง (เปา แปลว่า ขนมปัง, เปยส์ แปลว่า ขนมปังที่เป็นพหูพจน์) มารู้อีกทีตอนที่ทุกคนทำหน้างง แล้วก็หยิบขนมปังใส่ถุงให้อย่างงงๆ แล้วฉั้นก็เดินกลับบ้านอย่างงงๆ!! -_-'

แหล่งการศึกษาที่ดีที่สุดคงไม่พ้นทีวี เราติดเคเบิ้ลทีวีของ Provider ชื่อ "NET" ก็ประมาณ "TRUE" บ้านเรา ที่แพ็กเก็จพ่วงมาทั้ง อินเตอร์เน็ท และโทรศัพท์ คุณภาพก็ดีใช้ได้ ถึงแม้อินเตอร์เน็ทจะไม่มีบริการไร้สายหรือ WiFi แต่ก็เป็น Cable Net Speed 10Mbps. พร้อม Cable Modem (ที่นี่ใช้ Network 3G แล้วนะ จะบอกให้ ล้ำกว่าบ้านเราก็ตรงเนี่ยล่ะ!!) ซึ่งเราก็เอาสายสัญญาณมาต่อพ่วง WiFi Router ที่เรามีอยู่เอาเอง โทรศัพท์ถึงแม้จะเสียบ่อยจนท้อใจ ตามช่างมาซ่อมก็ยากเย็น แต่เพราะใช้มือถือเอาเลยพอทนๆไปได้ ทีวีก็มีหลายช่องให้เลือก Local Channel ก็มีหลายช่องให้ดู มีทั้งรายการข่าว เกมส์โชว์ ละครยามเช้า ยามบ่าย ยามค่ำ รายการเพลง ช่องหนัง รายการวาไรตี้ เยอะแยะมากมาย ซึ่งก็เป็นปกติเหมือนเคเบิ้ลทีวีทั่วไปทุกประเทศ จะไม่ปกติก็ตรงที่ รายการติดเรทบางรายการ ไม่มีการเซ็นเซอร์แต่อย่างใด ไม่ว่าจะเป็นเรท เซ็กซี่ หรือ เรทโหดร้ายทารุณ ให้ได้ดูกันเต็มๆ คงเต็มอิ่มสำหรับผู้ใหญ่ แต่สำหรับเด็กๆแล้ว มันช่างน่าเป็นห่วงซะนี่กระไร เพราะหนังบางเรื่องก็ให้ดูความหยาบกันเห็นๆ ทั้งปล้น ฆ่า ติดยา ทำร้ายเด็กและผู้หญิง บ้างก็มีหนังติดเรทโป๊เปลือยอย่างเปิดเผยโจ๋งครึ่ม โดยไม่มีคำเตือนว่าเหมาะหรือไม่เหมาะกับเยาวชนอย่างไร แต่ที่น่าประทับใจก็เห็นจะเป็น พระเอกละครสุดหล่อคนนี้ล่ะ คริ คริ!! คนอะไร้ หล่อยังกับพระเอกหนัง!!! ^^ Reynaldo Ginanecchini




ถึงแม้อะไรๆจะดูแปลกใหม่สำหรับฉั้น รวมทั้งผู้คนที่นี่ซึ่งคงไม่ขอพูดถึงมากมาย เพราะคนเราต่างมีดีมีแย่ เราต่างต้องเรียนรู้กันไป แต่ที่แน่ๆคนหลายๆคนที่นี่ก็อุปนิสัยคล้ายคนไทยในหลายเรื่อง เช่น รักความบันเทิง รักเสียงหัวเราะ ชอบดื่ม และชอบสังสรรค์ คนที่ใจดีก็แสนจะใจดี หากได้มีโอกาสรู้จักบราซิลเลี่ยนใจดีแล้วล่ะก็ พวกเค้าก็น่ารักใช่เล่น แต่ถ้าเจอคนดุดัน ซีเรียส จริงจัง ก็อย่าไปล้อเล่นกับบราซิลเลี่ยนทีเดียวเชียว ว่าไปผู้หญิงก็แสนจะเซ็กซี่ ผู้ชายก็แสนจะรูปงาม ความแตกต่างด้านวัฒนธรรมและภาษาไม่ได้ทำให้ฉั้นมองค่าความเป็นคนของใครลดลง รวมทั้งตัวฉั้นเอง ฉั้นได้แต่หวังว่า ฉั้นจะมีมิตรภาพดีๆเกิดขึ้นที่นี่ ให้ได้จดจำไปอีกนานแสนนาน ก่อนฉั้นจะจากประเทศนี้ไป เพื่อไปสร้างชีวิตที่มั่นคงลงหลักปักฐานที่นิวซีแลนด์หรือไม่ก็เมืองไทยตามที่เราฝันกันไว้ หากความฝันเป็นจริง..ในอีกหนึ่งหรือสองปีข้างหน้า ฉั้นอยากจะหวนคิดถึงที่นี่ในความรู้สึกว่า ที่นี่คือบ้านหลังหนึ่ง ถึงแม้ตอนนี้จะยังไม่รู้สึก แต่ก็หวังว่าซักวันจะรักและผูกพัน บราซิล..ประเทศที่มีเอกลักษณ์ ความขัดแย้ง แตกต่าง ที่ไม่มีวันเปลี่ยนแปลง

4 ความคิดเห็น:

  1. เพิ่งจะเคยเข้ามาชมรูปบ้านพี่ก้อย สวยน่าอยู่นะคะ :) อีกอย่างมีตัวเล็กมาอยู่ด้วยแล้ว คงน่าอยู่กว่าเดิมเป็นแน่!!

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. ไว้ว่างๆก็มาเที่ยวได้นะจ๊ะ มาช่วยพี่เลี้ยงเจ้าตัวเล็กนี่แหละ อุ้มจนหลังจะหักอยู่ละ ^^'

      ลบ
  2. บ้านน่าอยู่จังเลยค่ะพี่ ผลลัพธ์จากการรอคอยอย่างอดทนของเรา ฮ่าๆๆ แต่คิดไม่ถึงว่าจะเอาของแต่งบ้านส่งมาจากเมืองไทยด้วย ^^  ค่าขนส่งแพงมากไหมอ่ะคะ?

    ยังไงเราก็คิดถึงประเทศไทยเนอะ หนูไม่รู้จะทนอยู่ได้ขนาดพี่ก้อยหรือเปล่า คิดถึงอาหารไทยมากแน่ๆเลย อังกฤษก็ไม่ค่อยแข็ง ได้แต่ญี่ปุ่นจะทำไรได้เนี่ย เง้ออออออ

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. ถ้าไม่ได้สามีพี่ พี่คงเผ่นกลับตั้งแต่เดือนแรกแล้วล่ะค่ะ เห้ออๆๆ Y^Y

      ลบ

Related Posts Plugin for WordPress, Blogger...